SCGP Newsroom

SCGP คว้า 3 รางวัลคุณภาพ IAA Awards for Listed Companies 2022 จากความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์และนักลงทุนไทย

SCGP นำโดย นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และคณะผู้บริหาร รับ 3 รางวัลคุณภาพ IAA Awards for Listed Companies 2022 จัดขึ้นโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO รางวัล Outstanding CFO และรางวัล Outstanding Investor Relations ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม จากการโหวตของนักวิเคราะห์และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ที่ให้การยอมรับ SCGP ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค พร้อมทั้งความทุ่มเทในการจัดเตรียมความพร้อมของข้อมูลต่าง ๆ ในการนำเสนอและสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนไปยังนักวิเคราะห์และนักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง พิธีมอบจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ห้อง The Chadra Ballroom โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

โพรไบไอติกสายพันธุ์พิเศษใน HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS คว้ารางวัลด้านงานวิจัยและนวัตกรรม ในงาน TRIUP FAIR 2023

โพรไบไอติกสายพันธุ์ไทย ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS จากการพัฒนาร่วมกับศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้รับประกาศเชิดชูเกียรติด้านงานวิจัยและนวัตกรรม ในงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2566 (TRIUP FAIR 2023)” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัย และองค์กรภาคีเครือข่ายทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อมอบรางวัลให้กับงานวิจัยของไทยที่มีความเป็นเลิศในด้านนวัตกรรม พร้อมที่จะขับเคลื่อนและขยายผลต่อได้ โดยพิธีมอบจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

“งานวิจัยและนวัตกรรมตัวอย่างที่สร้างผลกระทบสูง: Success Case for Research Utilization with High Impact” ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ เป็นงานวิจัยของ รศ.ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ จากศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อศึกษาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่มีคุณสมบัติที่ดีและการศึกษาความสัมพันธ์พรีไบโอติกจากสมุนไพรมูลค่าสูงของ SCGP ได้แก่ เจียวกู่หลาน ถั่งเช่าสีทองและเห็ดเยื่อไผ่ ในการสร้างสารโพสต์ไบโอติกซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยตรง

ผลจากงานวิจัยทำให้สามารถคัดเลือกสายพันธุ์โพรไบโอติกสายพันธุ์ดีที่มีคุณสมบัติโดดเด่นจากงานวิจัยทางคลินิกในอาสาสมัครชาวไทย มีคุณสมบัติมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Lactobacillus paracasei MSMC39-1, Bifidobacterium animalis TA1 และสายพันธุ์พิเศษ Lactobacillus rhamnosus TM7 ที่ Exclusive เฉพาะ HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยพรีไบโอติก จากเจียวกู่หลานของ SCGP ซึ่งมีสาร Saponins สูง มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีใยอาหาร ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร มีคุณสมบัติที่ทำให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกเจริญเติบโตได้ดีในลำไส้ และช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบขับถ่าย นับเป็นรางวัลที่รับรองนวัตกรรมที่มีประโยชน์และการันตีได้ถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่  ร้าน Watsons ทุกสาขา และช่องทางอี-มาร์เก็ตเพลสชั้นนำร้าน SCGP Healthcare ใน Shopee, Lazada, Line OA @SCGPHealthcare, www.doozyonline  โดยสามารถติดตามข้อมูลสินค้าและกิจกรรมที่น่าสนใจได้ที่ www.holisbyscgp.com และ Facebook : HOLIS by SCGP

SCGP เผยกำไรไตรมาสสองแกร่ง 1,485 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภค ชูศักยภาพการบริหารต้นทุน รุกขยายธุรกิจเพิ่มในอาเซียน รองรับตลาดฟื้นตัวต่อเนื่อง

SCGP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ทำรายได้ 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะที่สามารถทำกำไรสำหรับงวดแข็งแกร่งที่ 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากไตรมาสก่อน จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นกลยุทธ์การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตสูงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง การส่งออกอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง และการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น มองแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง รุกกลยุทธ์ขยายการลงทุนในอาเซียน โดยเฉพาะในเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง พร้อมกับทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมระดับโลก ‘Bio-based Plastic จากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ’ และ ‘Wooden Foodservice Packaging จากไม้ยูคาลิปตัส’ หนุนการใช้ทรัพยากรทดแทน เสริมเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น แม้ยอดขายชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ปรับลดลง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของตลาดอินโดนีเซียซึ่งมีวันหยุดราชการยาวในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการขาย 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า EBITDA 4,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสำหรับงวด 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากไตรมาสก่อนหน้า 

ทั้งนี้ กำไรสำหรับงวดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ที่เติบโต มาจากการวางกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพฐานการผลิตในประเทศต่าง ๆ การเสริมแกร่งระหว่างธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การรวมคำสั่งซื้อวัตถุดิบและจองระวางเรือขนส่งสินค้า และเพิ่มการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง (Cross-Selling) นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ลดลง รวมถึงค่าระวางเรือขนส่งสินค้า ตลอดถึงการปรับสัดส่วนการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด โดยเพิ่มการผลิตเยื่อเคมีละลายน้ำได้ (Dissolving Pulp) ซึ่งมีราคาขายที่ดี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคอาเซียนฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งออกผลไม้ยังประเทศจีนปริมาณสูงมาก นอกจากนี้ ยังมีปริมาณการขายกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดภาคการศึกษาและการเลือกตั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังผันผวน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ทำให้การส่งออกสินค้าในกลุ่มสินค้าคงทนและสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัว 

ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 9 สิงหาคม 2566

SCGP มีงบดุลและโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณการลงทุน (CAPEX) สำหรับปี 2566 ไว้รวม 18,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบสำหรับการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) ประมาณ 9,000 ล้านบาท นอกจากนี้เพื่อรองรับความเป็นไปได้ในการลงทุนซื้อหุ้นใน PT Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ประเทศอินโดนีเซีย บริษัทฯ จึงมีการบันทึกบัญชีรายการในงบดุลคิดเป็นมูลค่ารวม 23,204 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ซึ่งจะเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มเติมจำนวนร้อยละ 44.48 โดยคาดว่าธุรกรรมนี้จะเกิดขึ้นในช่วงประมาณกลางปี 2567

นายวิชาญ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังในภูมิภาคอาเซียนคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อเตรียมรับเทศกาลในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะการส่งออกจากอาเซียนไปยังประเทศปลายทางแถบยุโรป ซึ่งความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงชะลอตัว โดยราคาต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อไปถึงช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ในขณะที่ราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) มีแนวโน้มทรงตัว ซึ่ง SCGP ยังคงบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ได้มุ่งรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินหน้าตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในอาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีและเป็นกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับ SCGP โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง โดยได้เตรียมเข้าลงทุนใน Starprint Vietnam JSC (SPV) ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เพื่อรองรับการอุปโภคบริโภคสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศเวียดนาม เสริมความครบวงจรและการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยอื่น ๆ ในประเทศเวียดนามของ SCGP 

ขณะเดียวกัน SCGP ได้ทุ่มเทในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยอยู่ระหว่างร่วมกับออริจิ้น แมตทีเรียลส์ (Origin Materials) ในการพัฒนา Bio-based Plastic จากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ ซึ่งผลทดสอบล่าสุดได้ผ่านขั้นตอนการทดสอบในห้องแล็ปและการปรับคุณสมบัติที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้วผลเป็นที่น่าพอใจ พร้อมเข้าสู่ขั้นตอน Pilot Plant Scale และเลือกพันธมิตรเพื่อร่วมมือพัฒนาในขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ SCGP ยังได้ทำการวิจัยและพัฒนา Wooden Foodservice Packaging จากไม้ยูคาลิปตัส เพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทดแทน ตอบโจทย์เทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์อาหารรักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้ และเพิ่มมูลค่าให้แก่ไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจในอาเซียน และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียตั้งแต่ต้นทางการปลูกจนถึงการแปรรูปไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

SCGP ยังคงมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวคิด ESG 4 Plus ทำให้บริษัทฯ เป็นที่ยอมรับและล่าสุด Sustainalytic ยังได้ประเมินอันดับ ESG Risk Ratings ของ SCGP ให้อยู่ในระดับ Low Risk ของกลุ่มอุตสาหกรรม Container & Packaging 

SCGP ต่อยอดความรู้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย ศึกษาร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา SCGP นำโดย ดร.อดิศักดิ์ วรคุณพินิจ  Innovation and Product Development Director และทีม Retail Channel Management เข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของศูนย์ทดสอบเครื่องสำอางและเภสัชภัณฑ์ทางผิวหนัง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับเกียรติจาก ผศ. ดร. ภก.วีรวัฒน์ ตีรณะชัยดีกุล ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบเครื่องสำอางและเภสัชภัณฑ์ทางผิวหนัง ผศ. ดร. ภญ.อมราพร วงศ์รักษ์พานิช และผศ. ดร. ภญ.บุญธิดา มระกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมาร่วมให้คำแนะนำ 

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ เพื่อศึกษาเครื่องมือและเทคโนโลยีมีความทันสมัย ในการวิเคราะห์และทดสอบประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการสัมผัสทางผิวหนัง ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล โดยจะนำเอาองค์ความรู้ในครั้งนี้ มาต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ SCGP อาทิ ผลิตภัณฑ์ ALMIND by SCGP ที่ต้องมีการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้และระคายเคือง เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 

SCGP จับมือ Robinhood เพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่าน Robinhood Mart ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้ผู้บริโภค

SCGP ร่วมกับ Robinhood (โรบินฮู้ด) แอปเพื่อคนตัวเล็กที่ยั่งยืน โดยนายสุชัย กอประเสริฐศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ กิจการเยื่อและกระดาษ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) นางสาวสุกัญญา เบญญาดิลก ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด และคุณศรัณย์ ชินสุวพลา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด พร้อมด้วยคุณนันทพร วงศ์จิรัฐิติกาล Head of Mart บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด จับมือเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า กระดาษถ่ายเอกสารคุณภาพพรีเมียม “ไอเดีย by SCGP” รองรับฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน ผ่าน “Robinhood Mart” พร้อมมอบโค้ดส่วนลดตลอดปี โดยมีเป้าหมายให้ร้านค้าเครื่องเขียนกว่า 50 ร้านค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายด้วย
 

นายสุชัย กอประเสริฐศรี กล่าวว่า “ปัจจุบันกระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย by SCGP ได้พัฒนาคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เหมาะกับทุกการพิมพ์ทุกประเภทสีสวย สด คมชัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือกับ Robinhood ในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับกระดาษถ่ายเอกสารส่งตรงถึงบ้านได้อย่างรวดเร็ว ผ่านเดลิเวอรีแพลตฟอร์มชั้นนำของประเทศ และครอบคลุมหลายพื้นที่ในกรุงเทพและปริมณฑล ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่ซื้อกระดาษถ่ายเอกสาร “ไอเดีย by SCGP” ผ่าน “Robinhood Mart” ยังได้ส่วนลดตลอดทั้งปี และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาดของไอเดียได้ด้วย อาทิ ไอเดียดี๊ดี มีโชคทุกรีม ที่สามารถสะสมเปลือกห่อกระดาษถ่ายเอกสารมาแลกของรางวัลได้อีกด้วย ซึ่งนับเป็นความร่วมมือนำร่องในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าอื่น ๆ ของ SCGP”
 

ด้าน นายศรัณย์ ชินสุวพลา กล่าวว่า “Robinhood มุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มด้วยบริการที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยความร่วมมือครั้งนี้ Robinhood จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการจัดส่งกระดาษถ่ายเอกสาร “ไอเดีย by SCGP” ผ่าน “Robinhood Mart” เพื่อให้ลูกค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 3.7 ล้านคนได้รับสินค้าที่มีคุณภาพอย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในปัจจุบัน นอกจากนี้เราได้นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV) พลังงานสะอาด มาใช้ในการจัดส่งสินค้าสู่ผู้บริโภคตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระยะยาวต่อไป”
 

กิจกรรมในครั้งนี้ยังพร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า SCGP และ Robinhood เพียงสั่งซื้อกระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย by SCGP ผ่าน Robinhood Mart รับส่วนลดค่าจัดส่ง 40 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCGP Call Center 02-586-5555

SCGP ขอแจ้งเตือนทุกท่านระวังหลงเชื่อเพจปลอม  

ขณะนี้ได้มีเพจเฟซบุ๊กแอบอ้างและใช้รูปของ SCGP เพื่อชักชวนลงทุนและหลอกขายหุ้น บริษัทฯ จึงขอแจ้งว่า SCGP มีเพจเฟซบุ๊กในชื่อ “SCGP” (https://www.facebook.com/SCGPofficial)  เพจเดียวเท่านั้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังภายนอก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ ในเพจอื่นทั้งสิ้น จึงขอแจ้งเตือนทุกท่านให้ระมัดระวัง อย่าได้หลงเชื่อ ไม่กดเข้าร่วมกลุ่ม ไม่กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและไม่แชร์ต่อเด็ดขาด และบริษัทฯ ไม่มีนโยบายชักชวนลงทุนทางออนไลน์แต่อย่างใด

หากพบเห็นความผิดปกติ หรือพบเพจที่น่าสงสัย สามารถแจ้งมาที่หน่วยงาน Brand Management – SCGP ที่ SCGP Facebook Page ได้ทันที 
 

SCGP ชูศักยภาพด้านการออกแบบ คว้า 3 รางวัลคุณภาพ ThaiStar Packaging Awards 2023

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รับรางวัลด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ThaiStar Packaging Awards 2023 รวม 3 รางวัล ภายใต้หัวข้อ “บรรจุภัณฑ์สร้างสรรค์สังคมดี (Good Together)” ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จากผลงาน Singha Park Gift Set ออกแบบโดย สุริยา พิมพ์โคตร และธาวิตา รัตนัย ที่สื่อสารให้เห็นถึงความสวยงามของสิ่งแวดล้อมบนบรรจุภัณฑ์ด้วยกระดาษลูกฟูกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและพิมพ์ด้วยหมึกที่ผลิตจากถั่วเหลือง ผลงาน กล่องส้มตรุษจีน ลายผ้ามงคล ออกแบบโดย วันชนะ ศรีไตรรัตนะ และกนกนาถ สถาวรานนท์ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ชุดกี่เพ้า” สะท้อนคติความเชื่อของชาวจีน โดยมีลวดลาย “ดอกโบตั๋น” สื่อถึงโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวย และ “นกกระเรียน” หมายถึงสุขภาพที่แข็งแรง อายุยืน และผลงาน ชุดปิกนิก อิ่มท้อง อุ่นใจ ใช้เฟสท์ ออกแบบโดย ศุภวรรณ ศุภผล ที่ได้แนวคิดจากการนั่งปิกนิก นำมาถ่ายทอดผ่านลวดลายบนบรรจุภัณฑ์พร้อมหูหิ้วที่ขึ้นรูปจากเส้นเทปกระดาษจากวัสดุเหลือใช้ในกระบวนการผลิตของ SCGP ที่สอดคล้องกับแนวคิด ESG ซึ่งผลงานเหล่านี้สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้แตกต่างและเพิ่มความโดดเด่นแก่สินค้า อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคและสามารถสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางของ SCGP ที่มุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งมอบความครบวงจรให้แก่ลูกค้า สร้างสังคมที่น่าอยู่และโลกที่ยั่งยืน

โครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน SCGP : สร้างมูลค่าเพิ่มให้เส้นเทปกระดาษ (Paper Band)

          SCGP ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างการเติบโตควบคู่กับการพัฒนาสังคมและดูแลสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคพร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนให้ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และขยายแนวคิดนี้ไปสู่การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน ผ่านการส่งเสริมความรู้และสร้างแรงบันดาลใจจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ สร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมวางแผนโครงการพัฒนาอาชีพของตนเอง โดยการนำเส้นเทปกระดาษหรือ Paper Band ที่เป็นวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตของ SCGP มาเป็นวัตถุดิบในการทำหัตถกรรมจักสานสร้างรายได้ให้ชุมชน จากเส้นเทปกระดาษที่ขายได้เพียงราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท เมื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับฝีมือจักสานของชุมชน ก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมาก

 

          SCGP เชื่อว่าการพัฒนาอาชีพ เป็นการพัฒนาศักยภาพของชุมชนและส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญอันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เริ่มโครงการโดยศึกษาร่วมกันกับชุมชน ครู วิทยากร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เพื่อเพิ่มมูลค่าเส้นเทปกระดาษที่มีลักษณะเหนียว คงทน ไม่ขึ้นรา ให้เป็นผลิตภัณฑ์จักสานด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ และนำความรู้นั้นมาอบรมอาชีพให้กับชุมชนรอบโรงงาน เพื่อสานเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น ตะกร้า ถาด ที่รองแก้ว ที่ดึงนิ้วล็อก การบูรหอม กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย ถุงตาข่าย กระเช้าดอกไม้ และกล่องของขวัญ เพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนรอบโรงงาน ใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ และเป็นอาชีพสร้างรายได้ รวมทั้งต่อยอดสู่การสร้างศูนย์เรียนรู้ในชุมชน เพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้คงอยู่และมีความยั่งยืน โดยริเริ่มในจังหวัดกาญจนบุรี และต่อยอดองค์ความรู้ ขยายผลต่อไปในชุมชนรอบโรงงานอื่น ๆ ส่งเสริมให้ชุมชนมีการจัดตั้งรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชน ในจังหวัดราชบุรี และปราจีนบุรีด้วย โดย SCGP มีการต่อยอดหลักสูตรเกี่ยวกับการออกแบบ พัฒนาอัตลักษณ์ชุมชน การย้อมสี การตลาด และการสร้างแบรนด์สินค้า ให้กับชุมชน เพื่อสร้างความแตกต่าง และความสามารถในการแข่งขัน ซึ่ง “วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์เกษตรกรบ้านอ้ออีเขียว” จังหวัดราชบุรี และ”ชุมชนหัตถกรรมจักสานบ้านท่าตะคร้อ” จังหวัดกาญจนบุรี ชุมชนรอบโรงงานที่ SCGP ให้การสนับสนุน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการเข้าประกวด แบบจำลองธุรกิจ “พลอยได้..พาสุข” ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม จัดโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม สะท้อนถึงความสำเร็จของ SCGP ที่พัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

รายชื่อวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมจักสานเส้นเทปกระดาษ (Paper Band)

  • วิสาหกิจชุมชนกลุ่มหัตถกรรมจักสานบ้านท่าตะคร้อ

เลขที่ 59 หมู่ 1 ตำบลท่าตะคร้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี รหัสไปรษณีย์ 71130

ติดต่อ: วิสาหกิจชุมชนฯ เบอร์โทรศัพท์: 098-914-9245  087-033-9616 และ 097-958-6592

Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=100057176269943&mibextid=LQQJ4d

  • วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์เกษตรกรบ้านอ้ออีเขียว

เลขที่ 90 หมู่ 2 ตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รหัสไปรษณีย์ 70190

ติดต่อ: คุณลอง เบอร์โทรศัพท์: 081-736-1130 และ 092-495-6454

Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=100064166257653&mibextid=ZbWKwL

  • กลุ่มอาชีพบ้านหนองจรเข้

เลขที่ 62 หมู่ 9 ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รหัสไปรษณีย์ 25110

ติดต่อ: คุณสุจีน (กิ่น) เบอร์โทรศัพท์: 063-103-8739

Line: https://line.me/ti/p/Wdc08qEUDF

  • วิสาหกิจชุมชนเกษตรพอเพียงจักสานและอาหารแปรรูปบ้านกุดปลาหวี

เลขที่ 42/2 หมู่ 4 ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รหัสไปรษณีย์ 25110

ติดต่อ: คุณบัวแพง เบอร์โทรศัพท์: 087-618-8298

ALMIND by SCGP เปิดตัว ‘Ultramild Foaming Hand Wash’ โฟมล้างมือเปลี่ยนสีได้สูตรอ่อนโยน

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Ultramild Foaming Hand Wash’ ภายใต้แบรนด์ ALMIND by SCGP โฟมล้างมือสูตรอ่อนโยน ตัวช่วยเพื่อสุขอนามัยที่ดี เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและเด็กที่มีผิวบอบบาง สามารถลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่อาจเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ อาทิ อาหารเป็นพิษ, ท้องร่วง, ลำไส้อักเสบ, การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และ การติดเชื้อบริเวณผิวหนัง เนื้อโฟมเปลี่ยนสีได้เมื่อทำความสะอาดครบ 30 วินาที ผ่านการทดสอบการแพ้และระคายเคือง (Hypoallergenic Tested)โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบัน Dermscan Asia ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง (สบู่, สาร SLS, Paraben และแอลกอฮอลล์) บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วย AQUACELLA® นวัตกรรมพิเศษจาก SCGP จึงสะอาด อ่อนโยน ไม่แห้งตึง พร้อมผสานคุณค่าธรรมชาติจาก Organic Jojoba Oil และ Organic Camellia Seed Oil ที่ได้รับการรับรองจาก ECOCERT มีกลิ่นหอม สดชื่น ลดกลิ่นคาวและกลิ่นไม่พึงประสงค์ สินค้าวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Facebook: ALMIND by SCGP, Doozy Online, ร้าน SCGP Healthcare (Shopee, Lazada, Line My Shop, NocNoc และ 24 Shopping) และ Konvy อีกทั้งยังมีช่องทางออฟไลน์ที่ SCG Boutique และ Chivit-D ทุกสาขา
 

“ไทย อันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ” ผู้ผลิตถ้วยกระดาษ 2 ชั้นสำหรับบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกในประเทศไทย

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนับเป็นอีกหนึ่งเมนูคลายหิวจานด่วนที่เดินทางมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ เราได้เห็นพัฒนาการทั้งทางด้านรสชาติที่แต่ละแบรนด์สร้างสรรค์ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่แบบซอง มาจนถึงแบบถ้วยที่ถือรับประทานที่ไหนก็ได้ เพียงแค่เปิดฝาเติมน้ำร้อน

ในโอกาสนี้ คุณพจนารถ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทย อันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตถ้วยกระดาษที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ได้สละเวลาจากงานบริหารมาบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้น แนวคิด และการเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับ SCGP

 

เริ่มต้นจากความร่วมมือ

“บริษัทไทย อันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไทย เพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่า กับบริษัทอันเป่า ประเทศจีน ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งในขณะนั้น ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์มีแนวคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนถ้วยบะหมี่ที่ใช้กับสินค้ากลุ่มมาม่าคัพ โจ๊กคัพ ไปเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์เรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และต้องปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งแต่เดิมนั้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเริ่มต้นวางตลาดด้วยการใช้ถ้วยแบบพลาสติก

 

“หลังจากการร่วมทุน ไทย อันเป่า จึงได้นำเทคโนโลยีการผลิตถ้วยกระดาษเพื่อบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบ 2 ชั้น (Double Wall) จากอันเป่า ประเทศจีนมาใช้ ขณะเดียวกันก็นำเอาระบบประกันคุณภาพอาหารจากไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตถ้วยกระดาษ นับเป็นผู้ผลิตถ้วยกระดาษสำหรับบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกในประเทศไทยค่ะ”

 

ผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร มาตรฐานต้องมาก่อน

“ตัวถ้วยกระดาษที่เราผลิตนั้นทำจากกระดาษซ้อนกัน 2 ชั้น เพื่อป้องกันความร้อน เวลาที่ผู้บริโภคใช้งานจะสามารถถือได้โดยไม่ร้อนมือ โดยกระดาษชั้นในซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสอาหาร จะใช้กระดาษ Cupstock ซึ่งเป็นกระดาษเคลือบด้วยพลาสติก PE ที่ทนความร้อน เหมาะสำหรับใช้บรรจุอาหารโดยเฉพาะ (Food Grade) ส่วนชั้นนอกจะหุ้มด้วยกระดาษ Duplex เพื่อพิมพ์โลโก้ แบรนด์ และรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าได้อย่างชัดเจน มีสีสันสวยงาม ซึ่งถ้วยกระดาษจะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแรง ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร”

 

“ไม่เพียงแค่สินค้าคุณภาพที่ใช้สำหรับแบรนด์ชั้นนำอย่างมาม่าเท่านั้นไทย อันเป่า ยังผลิตถ้วยกระดาษหลากหลายขนาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ทั้งประเภทถ้วยกระดาษใส่บะหมี่และซุปชนิด Double Wall และถ้วยกระดาษสำหรับเครื่องดื่มร้อน ทั้งแบบ Single Wall และ Double Wal! ซึ่งที่ผ่านมาไทย อันเป่า เป็นผู้ผลิตถ้วยกระดาษให้กับแบรนด์ชั้นนำอีกหลายต่อหลายแบรนด์ด้วยกัน

 

“จุดเด่นที่ทำให้เราเป็นตัวเลือกสำคัญในใจลูกค้าคือ เราผลิตถ้วยกระดาษที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากลทั้ง ISO 9001, FSSC 22000, GHP และ HACCP ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าแบรนด์ชั้นนำมีความมั่นใจในสินค้าและนำไปใช้ในธุรกิจ ขณะเดียวกัน เรามีความคล่องตัว เรามีการบริการที่รวดเร็ว เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่ได้รับเข้ามา และก็สามารถตอบโจทย์ในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย

 

“แนวคิดหรือกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของไทย อันเป่า ที่สำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ต่อคู่ค้า เราทำธุรกิจแบบ win-win เราไม่เอาเปรียบคู่ค้า ทั้งลูกค้า Supplier ผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันขณะเดียวกันเราก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาและหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจอยู่เสมอ

 

“ถัดจากนี้ ทางบริษัทฯได้วางแผนในการใช้ระบบ Automation ในกระบวนการผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยนำเอาระบบสายพานเข้ามาใช้ในการผลิต เพื่อใช้แรงงานคนให้น้อยลง และช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของ AI จะเข้ามาช่วยเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของการผลิตในแต่ละวัน เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมองเรื่องการขยายไลน์ผลิต ในกรณีที่ลูกค้าต้องการเพิ่มปริมาณสินค้า หรือรูปแบบสินค้าที่หลากหลายนอกเหนือจากที่มีอยู่ เราก็ยินดีที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น”

 

จากความเชื่อมั่นสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ

“จากเดิมไทย อันเป่า ใช้การนำเข้าวัตถุดิบกระดาษ Cupstock จากต่างประเทศร้อยเปอร์เซ็นต์ จนกระทั่งทางผู้บริหารได้มีแนวคิดที่จะลดการนำเข้าวัตถุดิบชนิดดังกล่าว และเชื่อมั่นว่า SCGP มีศักยภาพที่จะผลิตกระดาษ Cupstock ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศได้จึงได้เกิดความร่วมมือกันพัฒนากระดาษจนสำเร็จตามที่เราต้องการใช้งาน และก็เป็นพาร์ตเนอร์กันเรื่อยมา

 

“เราประทับใจ SCGP เพราะว่าทีมงานมีความรู้ ความสามารถ มีการบริการที่ดี เมื่อพบว่าสินค้ามีปัญหา เราจะได้รับทราบสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่ร่วมงานกันมา SCGP รับฟังความคิดเห็น อีกทั้งให้ความรู้ เสนอแนวทางใหม่ ๆ มีการอัปเดตข้อมูลให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจต่อกันมากกว่าที่จะเป็น Supplier หรือ Customer

 

“ในอนาคตเราก็อยากให้ SCGP ให้ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับไทย อันเป่า เติบโตยิ่งขึ้นยังเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีอย่างนี้ต่อไปค่ะ” คุณพจนารถกล่าวทิ้งท้าย