SCGP สร้างสรรค์ CIRCULAR DESIGN ในงานนิทรรศการระดับนานาชาติ
SCGP สนับสนุนแท่นวางโชว์ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล (Recycled Paper) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถนำมารีไซเคิลได้ สำหรับบูธแสดงผลงานของประเทศไทย หัวข้อ ‘Never-Ending Story: Thailand’s materials today and tomorrow” ภายใต้นิทรรศการ 2022 CIRCULAR DESIGN EXHIBITION ในโซน 360 – global collaboration ณ Taiwan Design Museum เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม – 3 กรกฎาคม 2565
โดย SCGP พัฒนาแบบแท่นวางโชว์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับ Thinkk Studio ผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก The Creative Economy Agency (CEA) ให้เป็นผู้จัดทำบูธในครั้งนี้ โดยเน้นการออกแบบที่ง่ายต่อการขนส่งและการประกอบหน้างาน แข็งแรงและรับน้ำหนักได้ ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล และสามารถรีไซเคิลได้ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
SCGP ต่อยอดความเชี่ยวชาญการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสู่การปลูกพืชสมุนไพรมูลค่าสูง เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “HOLIS by SCGP IM-MU Cap”
SCGP ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สู่การปลูกถั่งเช่าสีทองและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ “HOLIS by SCGP IM-MU Cap” เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพที่ดีจากภายในสำหรับทุกคนในครอบครัว ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพดีจากทั่วโลก รับประทานง่ายไร้กลิ่น วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน SCGP Healthcare ใน e-marketplace ชั้นนำ และเว็บไซต์ www.doozyonline.com
บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ภายใต้แบรนด์ “HOLIS by SCGP IM-MU Cap” เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีจากภายในสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยนำประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ตั้งแต่เยื่อกระดาษ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ โดยมีบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ใน SCGP ซึ่งเป็นผู้ผลิตยูคาลิปตัสสำหรับผลิตเป็นเยื่อกระดาษ มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการปลูกและผลิตด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ผสานความร่วมมือกับศูนย์พัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของ SCGP ต่อยอดองค์ความรู้สู่การปลูกพืชและสมุนไพรมูลค่าสูง โดยเริ่มจากการปลูก “ถั่งเช่าสีทอง” ตั้งแต่ปี 2559 และนำมาสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP IM-MU Cap เกิดจากการมุ่งมั่นค้นหาวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีจากทั่วทุกมุมโลกอย่างพิถีพิถัน นำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้มาตรฐานระดับสากลเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ด้วยการผสาน 3 พลังจากสารสกัดพร้อมด้วยแร่ธาตุและน้ำมันจากธรรมชาติ ได้แก่ Astaxanthin จากสาหร่ายสีแดง ที่ผ่านการสกัดด้วยเทคโนโลยีการสกัดแบบซูปเปอร์คริทิคอลฟลูอิท ด้วยเครื่องสกัดแรงดันสูงเพื่อให้ได้สารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) สารคาร์โบไฮเดรตกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ที่พบได้มากในยีสต์ เห็ด หรือเห็ดทางการแพทย์ และเห็ดถั่งเช่าสีทอง (Cordyceps militaris) ผลิตด้วยขั้นตอนลิขสิทธิ์เฉพาะจาก SCGP เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงสุด
จุดเด่นของ HOLIS by SCGP คือ (1) เป็นนวัตกรรมเฉพาะของ SCGP โดยนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญการปลูกและผลิตด้วยเทคนิคเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ถั่งเช่าสีทองที่มีสาร Cordycepin คุณภาพสูงในปริมาณสม่ำเสมอ พร้อมทั้งผ่านการรับรองมาตรฐานสูงสุดในระดับสากล GHPs/HACCP 2020 (2) ปลอดภัยไว้วางใจได้ เนื่องจากเลือกใช้วัตถุดิบแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง ตรวจสอบย้อนกลับได้ และ (3) รับประทานง่าย ไร้กลิ่น พกพาสะดวก โดยออกแบบเป็น Soft Gel Capsule ไร้กลิ่น บรรจุในซองฟอยล์ขนาด 2 เม็ดต่อซอง อยู่ภายในกล่องแบบ Smart Packaging เพียงรับประทานเพียงวันละ 2 เม็ด หลังอาหารมื้อหลัก เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีจากภายใน ปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายที่ร้าน SCGP Healthcare บน e-marketplace, website : www.doozyonline.com หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : HOLIS by SCGP
วันสิ่งแวดล้อมโลกคืออะไร ?
วันสิ่งแวดล้อมโลกคืออะไร ?
ริเริ่มโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในวันที่ 5 มิถุนายน นับตั้งแต่ปี 1974 โดยวันสิ่งแวดล้อมโลกนี้เป็นเวทีระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อมและมีการเฉลิมฉลองโดยผู้คนนับล้านทั่วโลก
#OnlyOneEarth มาจากไหน ?
“Only One Earth” เป็นสโลแกนของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์มในปี 2515 ซึ่งทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นวาระระดับโลก และนำไปสู่การก่อตั้งวันสิ่งแวดล้อมโลก
ทางเลือกที่เป็นไปได้ของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ?
ทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังเพื่อความยั่งยืนจะต้องมีความพร้อม ราคาจับต้องได้ และน่าสนใจ เพื่อให้ผู้คนสามารถตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตดีขึ้นในแต่ละวันได้ ประเด็นสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ วิธีใช้ชีวิตในบ้าน สังคม สถานที่ทำงานที่เราใช้เป็นประจำ การลงทุน และการทำกิจกรรมเพื่อพักผ่อน ต้องสามารถทำอย่างยั่งยืนได้
อย่างไรก็ตาม ภาคประชาสังคมยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักและปลุกจิตสำนึก แนะนำว่าต้องทำอะไร และใครควรรับผิดชอบ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง
ร่วมสนับสนุนวันสิ่งแวดล้อมโลก 2022 และแคมเปญ #OnlyOneEarth คุณก็เป็นอีกคนที่สามารถช่วยให้โลกที่สวยงามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับมนุษยชาติ
SCGP ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในไทยอีก 75,000 ตันต่อปี ตอบสนองดีมานด์รับเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดพร้อมดำเนินการผลิตกลางปี 2566
SCGP ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุน 2,450 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2566 ชูระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และแอปพลิเคชันสำหรับการพิมพ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก รับแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว เสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัดสินใจขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก (Corrugated Carton) และแผ่นกระดาษลูกฟูก (Sheet Board) ในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการผลิต ตลอดจนนำเสนอโซลูชัน สินค้า และบริการ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว ตลอดจนช่วยเสริมศักยภาพและผสานกำลังกับธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น คงความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน
การลงทุนขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ดำเนินการผ่านบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด (TCG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 70:30 ตามลำดับ ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 2,450 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนในส่วนของเครื่องจักร การติดตั้งเครื่องจักร และเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2566
SCGP มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยกระดับการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ (Robotic) ระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และระบบพิมพ์ที่มีความทันสมัยเข้ามาปรับใช้ นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้แข่งขันได้ดียิ่งขึ้นและยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้อยู่ภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ศูนย์รวมของกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ SCGP ประเมินความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยมาจากการขยายตัวของบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเพื่อสุขอนามัย รวมถึงการเติบโตของภาคการส่งออกจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล ตลอดจนการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อภาพรวมการใช้บรรจุภัณฑ์
SCGP มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตรวมกว่า 50 แห่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร และประเทศสเปน
พรีแพคได้รับการรับรองมาตรฐาน ISCC PLUS การันตีมาตรฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
บริษัทพรีแพค ประเทศไทย จำกัด ได้รับมาตรฐาน ISCC PLUS โดย International Sustainability and Carbon Certification หรือ ISCC เพื่อรับรององค์กรที่มีการจัดการคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งพรีแพคถือเป็นบริษัทที่ 2 ใน SCGP ต่อจากบริษัทวีซี่ แพ็คเกจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำทิศทางของบริษัทในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
บริษัทพรีแพค ประเทศไทย จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทอ่อนตัวสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่มีการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง ISCC เป็นวัตถุดิบในการผลิต มีการควบคุมตามระบบมาตรฐานที่ชัดเจนในทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่กระบวนการจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ได้รับการรับรอง ISCC การตรวจรับ การจัดเก็บวัตถุดิบ และการควบคุมปริมาณ ตลอดจนการขายและการส่งมอบ จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จากพรีแพค มีการใช้วัตถุดิบรีไซเคิล ผ่านกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ตามหลักการควบคุมสมดุลมวลสาร (Mass Balance)
การรับรองมาตรฐานนี้ สามารถยกระดับคุณภาพในการสนองตอบความต้องการต่าง ๆ ของลูกค้าสำหรับบรรจุภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานในบริษัทได้อีกด้วย
คอนิเมก คว้ารางวัล Asia Pacific Supplier Award 2022 ด้าน Environmental Sustainability จาก Shell ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรอย่างยั่งยืน
บริษัทคอนิเมก จำกัด นำโดยคุณกรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ SCGP เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Asia Pacific Supplier Award 2022 ด้าน Environmental Sustainability จาก Shell Lubricant Asia Pacific โดยคุณสุกัญญา ธีระวิบูลย์ Country Planning Manager – Thailand บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และทีม เป็นตัวแทนมอบ
บริษัทคอนิเมก จำกัด เป็น 1 ใน 14 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีความสามารถและโดดเด่นในด้าน Environmental Sustainability จากรายชื่อผู้เข้าร่วมคัดเลือกถึง 400 บริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเชลล์เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำระดับแนวหน้าของโลก ที่มีนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรางวัลในด้าน Environmental Sustainability นี้ เป็นผลมาจากโครงการต่าง ๆ ที่ทำร่วมกัน รวมถึงการนำเสนอบรรจุภัณฑ์แกลลอนน้ำมันเครื่องฯ ที่มีส่วนผสมของ PCR 25% โดยโครงการทั้งหมด ช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 439 ตัน คิดเป็น 17% จากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่เชลล์ลดได้ในภูมิภาคอาเซียนในปี 2021
รางวัลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและยอมรับจากคู่ค้าระดับสากล เป็นเครื่องหมายในการยืนยันความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีของทั้งสองบริษัท ที่มีมายาวนานกว่า 40 ปี
ทั้งฮั่วซินกรุ๊ป พัฒนาอย่างต่อเนื่อง สู่การเป็นผู้ผลิตในใจลูกค้า
“เวลา” เป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งต่าง ๆ ได้ดีเสมอ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและเติบโตทางธุรกิจมาหลายช่วงเวลาความเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ดีระหว่างบริษัททั้งฮั่วซิน จำกัด กับ SCGP ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงสามทศวรรษ โอกาสนี้ เราได้รับเกียรติจากคุณพีระพงษ์ ทังเกษมวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัททั้งฮั่วซิน พริ้นติ้ง เน็ทเวอร์ค จำกัด และบริษัททีพีเอ็น แพคเกจจิ้ง จำกัด ภายใต้ทั้งฮั่วซิน กรุ๊ปสละเวลามาร่วมแชร์แนวคิดและประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ที่ทำให้ทั้งฮั่วซินกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่อย่างทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว
ก่อนที่ธุรกิจจะเติบโต๋จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่พร้อมรองรับความต้องการทุกรูปแบบได้นั้น คุณพีระพงษ์เล่าว่า ทั้งฮั่วซินมีจุดเริ่มต้นคล้ายกับหลายธุรกิจคือ การหมั่นมองหาโอกาสทางธุรกิจแล้วลงมือทำ
“ย้อนไปราว ๆ ปี 2496 เป็นช่วงที่ธุรกิจโรงพิมพ์กำลังบูม ตลาดมีความต้องการงานพิมพ์สูงมาก ถึงขนาดที่ส่งงานลูกค้าไม่ทัน ทำให้คุณพ่อเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเกิดความคิดที่จะเปิดโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง ทั้งฮั่วซินจึงเริ่มเปิดโรงพิมพ์แห่งแรก โดยตั้งอยู่ที่วงเวียน22 กรกฎาคม ย่านเยาวราช รับงานพิมพ์ประเภทฉลากสินค้า ใบแทรกสมุดจด ใบเสร็จ ใบสั่งซื้อ นามบัตร ปฏิทินแบบฉีก รวมถึงการ์ดสำหรับงานพิธีต่าง ๆ และงานพิมพ์เอกสารทั่วไป วิธีการพิมพ์ยังเป็นแบบดั้งเดิมอยู่เลย”
นับจากนั้นมา ก็ค่อย ๆ เติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมไทย ที่มีการขยายตัวตามแรงผลักดันของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อุตสาหกรรมอาหารกระป๋องกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งฮั่วซินถือเป็นโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์รายแรก ๆ ที่เข้าไปตอบโจทย์ กระทั่งเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของ Flexible Packaging ก็ได้ขยายบริการไปสู่โอกาสต่าง ๆ พร้อมทั้งปรับปรุงและขยายธุรกิจในเครือออกไปอีกหลายส่วน จนกลายมาเป็นโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่เป็นหนึ่งทางเลือกในใจของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน
“เทคโนโลยีสีเขียว” ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งฮั่วซินพัฒนาคุณภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง และใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยในกระบวนการผลิต ทั้งยังผ่านการทดสอบมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมจากหลายสถาบัน ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นและใส่ใจในการสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมีเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค
“เป้าหมายของเราคือ การเป็นผู้ผลิตที่ไม่สร้างมลภาวะให้โลกมากเกินไป เราจึงส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวอย่างจริงจัง หรือแม้แต่การเป็นธุรกิจที่ไม่สร้างขยะแก่โลก เรื่องนี้คือจุดแข็งในการเข้าถึงลูกค้า ลูกค้ารายใหญ่ระดับองค์กรตระหนักเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างมาก ลูกค้าของเราเกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าในประเทศ สัดส่วนยอดขายเป็นสินค้าประเภท Soft Packaging หรือ Flexible Packaging ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการค่อนข้างสูง
“ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดทวีความรุนแรงขึ้น เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เช่น การจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง เพื่อหาโอกาสส่งเสริมธุรกิจให้ทันสมัย ตอบโจทย์ได้ตรงตามข้อกำหนดหรือความต้องการของลูกค้า และเรื่องของพาร์ตเนอร์ เรามี SCGP เป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านวัตถุดิบ มีซัพพลายเออร์ด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งพัฒนาความร่วมมือถึงระดับที่ส่งเสริมเกื้อกูลกัน หลักการคือ มีการแซร์เทคโนโลยีและกลยุทธ์ร่วมกันอยู่เสมอ ทำให้เราติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันเวลาช่วยกันสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ การมีพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้องค์กรเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น หูตากว้างขึ้น รู้เท่าทันสถานการณ์ได้รวดเร็วขึ้น
“วันนี้เรามีจุดแข็งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ระดับหนึ่งแล้ว อนาคตเรามองหาโอกาสหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการหาพาร์ตเนอร์มาเสริมจุดแข็งของเราอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจอื่น เราก็ยังมองหาโอกาสอยู่ตลอดว่า อะไรบ้างที่จะมาเสริมทัพให้ธุรกิจและทำให้ผลิตภัณฑ์เรามีความหลากหลายและเติบโตยิ่งขึ้น”
พาร์ตเนอร์ที่ดูแลกันอย่างเข้าใจ
ความร่วมมือระหว่างทั้งฮั่วซินกับ SCGP นั้นก่อตัวขึ้นมานานหลายทศวรรษ ผ่านการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพและไม่หยุดพัฒนา โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้การเป็นพาร์ตเนอร์ราบรื่นและต่อเนื่องยาวนานคือ การดูแลกันอย่างเข้าใจ
“SCGP ช่วยดูแลเรื่องวัตถุดิบกระดาษ Duplex เป็นหลัก ต่างฝ่ายต่างช่วยกันต่อยอดธุรกิจ ร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ ทำให้การทำงานรวดเร็ว รวมถึงการลดต้นทุน จนถึงปัจจุบันก็น่าจะราว 30 ปีแล้วที่ SCGP ดูแลเรา ที่ผ่านมาแม้จะมีวิกฤติ แต่เราก็ได้รับการซัพพอร์ตที่ดีมาตลอด ล่าสุดคือสถานการณ์โควิด 19 ซึ่งเกิดปัญหาในซัพพลายเชนทั้งหมด แต่กับ SCGP พบปัญหาน้อยมาก เพราะมีการสื่อสารกันตลอด หรือพอเขารู้สถานการณ์ของเรา เขาก็ช่วยจัดการอย่างเต็มที่ เปลี่ยนความยากลำบากที่เจอให้ง่ายขึ้น อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่ได้เจอง่าย ๆ คือ SCGP เป็นองค์กรที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง คนที่ดูแลเราเมื่อ 30 ปีที่แล้วกับคนที่ดูแลอยู่ ณ ตอนนี้ก็ยังรู้จักกันอยู่ ทั้ง ๆ ที่คนที่ดูแลผมเมื่อ 30 ปีที่แล้วไม่ได้อยู่วงการนี้แล้ว แสดงถึงความต่อเนื่องในการบริหาร รู้จักลูกค้าอย่างลึกซึ้ง แม้แต่คนรุ่นใหม่ก็ยังรู้จักลูกค้ารุ่นเก่าเป็นอย่างดี นับเป็นจุดแข็งของเขาเลยครับ
“การทำธุรกิจระหว่างกัน ผมคิดว่า SCGP ดูแลเราอย่างดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น ปัญหาทางเทคนิคหรือคุณภาพกระดาษนั้นเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้จะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็ต้องช่วยกันพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”
เปิดใจวิศวกรหนุ่ม ผู้คว้าโอกาส เปิดประสบการณ์ทำงานในต่างแดน
ในเส้นทางการทำงาน เรามีตัวเลือกเพื่อหาโอกาสในการพัฒนาตนเองหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการได้ลองไปทำงานในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว เช่นเดียวกับ สาม – รนินท์โชติ พลพัฒนะวัชร์ ที่วันนี้มีโอกาสมาแซร์เรื่องราวการเรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต แนวทางการทำงานในต่างประเทศที่เขาได้ไปสัมผัสและประทับใจ จนอยากชวนให้ทุก ๆ คนก้าวออกจาก comfort zone และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง
พัฒนาตัวเอง เรียนรู้และปรับตัว สู่ “MOBILITY”
“เดิมผมเป็นวิศวกร สังกัดฝ่ายพลังงาน ได้ทำโครงการเกี่ยวกับการขยายธุรกิจมาพอสมควร เราก็มองว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ น่าจะเป็นความท้าทายใหม่ ๆ จนทราบข่าวว่า บริษัทกำลังมีโครงการขยายกำลังการผลิตที่ประเทศฟิลิปปินส์ ผมจึงอาสาสมัครไปทำงานที่นั่น
“โครงการที่ไปทำคือ การติดตั้งเครื่องจักรเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ผมมีหน้าที่ดูแลงานไฟฟ้าและไอน้ำของโรงงาน การตัดสินใจไปครั้งนี้มาจากความอยากเรียนรู้ครับ ผมชอบสื่อสาร ชอบทำงานกับคนต่างชาติเพื่อหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่แล้ว และคิดว่าการไปอยู่ต่างประเทศน่าจะเป็นการพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นมีอะไรที่ท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม ด้วย mindset แบบนี้ การใช้ชีวิตในต่างประเทศได้เจอวัฒนธรรมใหม่ ผมจะพยายามเรียนรู้และปรับตัวให้กลมกลืน ขณะเดียวกันก็มีรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนคอยให้คำแนะนำด้วยอีกทาง
“ที่ฟิลิปชินส์ใช้ 2 ภาษา คือภาษาตากาล็อก กับภาษาราชการคือภาษาอังกฤษ เราก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง และเป็นโอกาสดีที่ได้ฝึกการฟังและการพูดเพิ่มขึ้นด้วยเพราะต้องใช้ทุกวัน เรื่องศัพท์เทคนิคไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากใช้ในการทำงานอยู่แล้ว ส่วนภาษาตากาล็อกค่อนข้างยากเหมือนกันครับ แต่คนที่นั่นเขาจะรู้สึกดี ถ้าเราพยายามพูดตากาล็อกกับเขา แม้จะเป็นแค่คำพื้นฐาน”ในวันหยุด เพื่อนฟิลิปปินส์มักจะชวนพวกเราไปร่วมกิจกรรม ไปเรียนรู้วัฒนธรรมกับเขา คนที่นั่นค่อนข้างเป็นมิตรครับ การใช้ชีวิตก็คล้าย ๆ กับคนไทย ให้ความสำคัญกับครอบครัว ช่วงวันหยุดเราจะเห็นทุกคนไปทำกิจกรรมกับครอบครัว เวลาทำงานเขาก็มองทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เลยสนิทกันง่าย”
COLLABORATE ทุกความหลากหลาย ก้าวข้ามทุกอุปสรรค
“สิ่งที่ผมประทับใจคือ ทุกคนทำงานด้วยเป้าหมายเดียวกันและพยายามหาแนวทางการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละขั้น การมีเป้าหมายย่อย ๆ ในแต่ละกระบวนการ ทำให้เราได้เรียนรู้ร่วมกัน เป็น leaning experience โดยเฉพาะตอนที่เจอกับสถานการณ์โควิด 19 ระลอกแรก ทุกคนมีความกังวลถึงสุขภาพและความปลอดภัยของทีมที่ต้องเข้าไปติดตั้งเครื่องจักร เราก็ต้องมาร่วมกันวางแผน แก้ไข และช่วยกันสนับสนุนจากทุกฝ่าย จึงทำให้ผ่านไปได้ เป็นการร่วมมือหรือ collaborate จากทุกคน ทุกเชื้อชาติ ที่ผมรู้สึกประทับใจมาก
“แนวคิดการทำงานของผม นอกจากขอบเขตงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ผมจะมองไปถึงงานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย บางครั้งอาจต้องทำงานเกินกว่าหน้าที่รับผิดชอบบ้าง เกินขอบเขตของตัวเองบ้าง เพื่อให้งานในภาพรวมราบรื่นมากขึ้น
“ปัจจุบัน SCGP ขยายธุรกิจไปในหลากหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อังกฤษ สเปน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของพนักงาน ที่จะได้มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น ได้เปิดโลกทัศน์เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ ก็อยากเชิญชวนเพื่อนพนักงานให้ลองคว้าโอกาสนี้ไว้ เพื่อพัฒนาตนเองและเรียนรู้จากความท้าทายใหม่ ๆ ที่เข้ามาในมุมขององค์กร เมื่อคนของเราเก่งขึ้น องค์กรเราก็จะมีความเข้มแข็งมากขึ้น และสามารถปรับตัวได้ในสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันได้ครับ”
กรัณย์ เตชะเสน – หมั่นเรียนรู้ หาโอกาส สร้างคำตอบ
เป้าหมายสำคัญของ SCGP คือ การพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ในครั้งนี้เราได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับพี่กรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ – SCGP
หนึ่งในผู้บริหารที่เรียกได้ว่าเติบโตมากับครอบครัว SCGP พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงขององค์กรมาทุกยุคทุกสมัย
เส้นทางการทำงาน บนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นเส้นทางการทำงานกับ SCGP ที่โรงงานบ้านโป่ง ตั้งแต่ปี 2531ต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์สำคัญที่พี่กรัณย์จำได้ดีคือ เป็นช่วงที่ธุรกิจเยื่อและกระดาษเริ่มบุกเบิกตลาดกระดาษพิมพ์เขียน จากเดิมที่อยู่ในตลาดกระดาษบรรจุภัณฑ์
“ช่วงแรกดูแลงานวิศวกรรมครับ ต่อมาได้ดูแลการผลิตกระดาษอาร์ตคุณภาพสูงที่ใช้กับนิตยสารชั้นนำหรือจากต่างประเทศ ทำเต็มตัวอยู่ราว ๆ 8 ปี ระหว่างนั้นได้ทุนของสภาอุตสาหกรรมฯ ไปศึกษางานผลิตกระดาษในประเทศสกอตแลนด์อยู่เกือบปี จากนั้นได้ทุนของ SCG ไปเรียนต่อด้าน MBA ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบเมื่อปี 2542 จึงกลับมาทำงานในสายงานด้านการตลาด
“ช่วงนั้นธุรกิจเน้นตลาดกระดาษบรรจุภัณฑ์ เพราะเพิ่งขยายกำลังผลิต พี่ได้เข้าไปดูในส่วนวางแผนการตลาด สนับสนุน แก้ปัญหาให้ส่งออกได้มาก ๆ ซึ่งมีส่วนร่วมบุกเบิกธุรกิจนี้ของเรา ทั้งที่ฟิลิปปินส์และเวียดนาม นอกจากนี้ก็ดูแลการสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด จนได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ดูแลในธุรกิจนี้ต่อเนื่องประมาณ 10 ปี ก่อนจะย้ายไปดูแลงานที่บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด โรงงานนวนคร ซึ่งเป็นโรงงานหลัก ฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ย้ายไปยังไม่ถึงปีก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 โรงงานเราได้รับผลกระทบพอสมควร ถือเป็นความท้าทายที่ต้อง บริหารงานและฟื้นฟูธุรกิจในช่วงเวลานั้น พอสถานการณ์เริ่มเข้าที่ก็ย้ายมาดูทางด้าน business integration และการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่นอกเหนือจากกระดาษ
“ประมาณปี 2558 เรารีแบรนด์จาก SCG Paper เป็น SCG Packaging เดินหน้าขยายไปยังธุรกิจ Flexible Packaging โดยเข้าไปร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่ไทยและเวียดนาม พอเข้าไปแล้ว เราก็ต้องพยายามสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ทั้งเรื่องเงินทุน หรือบุคลากร ต่อมาเราก็ต่อยอดเป็นโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น บรรจุภัณฑ์คงรูป หรือบรรจุภัณฑ์สมรรถนะสูง ทดแทนกระป๋อง เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น ตามวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งมั่นในการเป็น Packaging Solutions Provider จนมาถึงกระทั่งปัจจุบันที่เราขยายธุรกิจไปยังตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเริ่มปักธงที่ยุโรปในประเทศสเปนเป็นที่แรก นี่คือเส้นทางคร่าว ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้เห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เราเติบโตต่อยอดมาเรื่อย ๆ “
มองหาโอกาส ร่วมกันเรียนรู้ เพื่อนวัตกรรมที่ตอบโจทย์
ความท้าทายในปัจจุบันของพี่กรัณย์คือ การหา innovation มาตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค นอกจากจะโฟกัสกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ดูแลอยู่แล้ว ยังต้องมีหูตาที่กว้างไกล มองหาสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวไปพร้อมกันด้วย
“การที่เราต้องหา innovation มาตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดเวลาเราจึงต้องพยายามสังเกตลูกค้า อย่ายึดติดกับสิ่งที่เราทำอยู่เท่านั้นหรืออย่าคิดว่าเราจะคิดเพิ่มต่อจากลูกค้ามิได้ เพราะในที่สุดพวกเราทุกคนก็คือ consumer เหมือนกัน เป้าหมายมันจะไปบรรจบกันตรงปลายทางที่เรียกว่า consumer และให้เราลองมองในมุมของ consumer เพิ่มด้วยว่าเราจะต้องการ innovation แบบไหน และมีใครตอบโจทย์เรื่องนี้แล้วหรือยัง การที่จะคิดไปจนถึงปลายทางนั้น ต้องช่วยกันทั้งองค์กร ทุกคนต้องช่วยกันคิด พยายามศึกษา ต้องสร้างให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ หรือ learning organization ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาด เรื่องที่สำเร็จ หรือเรื่องใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ที่อาจจะตอบโจทย์ลูกค้า เราจะต้องมีการแชร์กันให้แต่ละคนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุกน่าสนใจ”
สร้างความเชื่อมั่น เปิดโอกาส ทดลองทำ
เมื่อก้าวขึ้นมาดูแลงานบริหาร การสร้างความเชื่อมั่นให้ทีมและการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้เสมอ คือหัวใจสำคัญในการบริหารงานของพี่กรัณย์
“สำหรับพี่ การบริหารคนต้องเริ่มจากการสร้าง trust เราต้องพยายามทำให้น้อง ๆ และทีมเห็นว่าเราวางใจได้ เชื่อถือได้ เราต้องไม่มีอคติ ต้องมีความยุติธรรมเท่าเทียมกันทั้งหมด พร้อมให้โอกาสอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องและทั่วถึง
“ทุกคนสามารถออกความเห็น ถกเถียงกันได้ ซึ่งพี่ให้ความสำคัญมากเพราะบ่อยครั้งในองค์กรใหญ่มีลำดับชั้นเยอะ หัวหน้าจะสั่งอย่างเดียวเถียงไม่ค่อยได้ บางเรื่องที่น้องในทีมแสดงความเห็น และเรารู้สึกว่ายังไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ปล่อยให้เขาลองทำ ถ้ามันยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ต้องให้เขาได้ลอง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ”
ขับเคลื่อนองค์กร ด้วยการเป็นเจ้าของร่วมกัน
“เราเป็นบริษัทมหาชนที่ทุกคนมีความเป็นเจ้าของเหมือนกัน อยากให้น้อง ๆ ทำงานเต็มที่เสมือนเป็นเจ้าของ นี่คือความท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนเจเนอเรชันใหม่ ที่มีความคิดอยากเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง
“วัฒนธรรมที่เราพยายามสร้างขึ้นคือ อยากให้ทุกคนทำงานแบบ collaborate ช่วยกันทำเสมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าของ อันนี้สำคัญมากเพราะจะทำให้เกิดความทุ่มเท เรียนรู้ และสะสมองค์ความรู้ในระยะยาว การที่เราจะ excellence ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะทำได้ภายในเวลาอันสั้น มันต้องสะสม ถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของแล้ว เราจะทุ่มเทช่วยให้องค์กรเราเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้
“อยากให้น้อง ๆ พยายามเรียนรู้และศึกษา ปัจจุบันนี้ช่องทางในการหาข้อมูลก็ง่าย และมีหลายช่องทาง ลองศึกษาเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ควบคู่ไปกับความรู้ที่บริษัทสนับสนุนให้ ทุกคนต้องตระหนักว่า หากวันหนึ่งเราเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง วันนั้นไม่มีใครมาสอนแล้ว หมั่นตั้งคำถามว่า ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนั้น เพื่อฝึกคิด หาคำตอบเพื่อให้ได้เหตุผลที่แท้จริง ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอด วันนี้เราอาจจะมีวิธีที่ดีกว่า ไม่ต้องใช้วิธีเดิมแล้วก็ได้ เราต้องพร้อมปรับอยู่เสมอ” พี่กรัณย์กล่าวทิ้งท้าย