SCGP Newsroom

เฟสท์ ใน SCGP จับมือ Grab มอบส่วนลดให้ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น

เฟสท์ ใน SCGP จับมือ Grab มอบส่วนลดให้ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น เพียงสั่งอาหารจากร้านที่เข้าร่วมโครงการ Fest x Grab เพื่อสนับสนุนร้านอาหารที่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

2 – 15 ธันวาคม นี้ บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ใน SCGP และ Grab จับมือมอบส่วนลดพิเศษจำนวน 4,500 โค้ด (ส่วนลด 40 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 200 บาท) ให้กับผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น Grab ที่เลือกซื้ออาหารจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ Fest x Grab เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ และร้านอาหารบนแพลตฟอร์มเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความสะอาด ปลอดภัย สัมผัสอาหารได้โดยตรง เพื่อส่งมอบอาหารให้ถึงมือลูกค้า โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้เกิดการใช้งานบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 3 ล้านชิ้น ในปี 2564 และคาดหวังว่าจะมีร้านค้าในกรุงเทพและปริมณฑลเข้าร่วมโครงการจำนวน 500 ร้านค้า พร้อมขยายความร่วมมือไปยังพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.ภูเก็ต เพื่อร่วมยกระดับมาตรฐานบรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ ให้สอดคล้องกับ Road Map การจัดการขยะของภาครัฐในปี 2565

 

 

บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา)

นายกิตชัย  ทัศนวิญญู ผู้จัดการส่วนฟู้ด แพคเกจจิ้ง โซลูชันส์ บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ใน SCGP

นางสาวนิรมล  เพรียวประเสริฐ ผู้จัดการส่วนบริหารธุรกิจค้าปลีก บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ใน SCGP

นางวิมล  จันทร์เทียร  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด และผู้อำนวยการแบรนด์บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ใน SCGP

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจแกร็บฟู้ด

SCGP สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างด้วย “SCGP-Inspired Solutions Studio” เบื้องหลังการพัฒนาโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรตอบโจทย์ทุกความต้องการ

SCGP เผยโฉม SCGP-Inspired Solutions Studio สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างในการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่หลากหลาย จำลองบรรยากาศสถานที่จริงเพื่อให้เห็นภาพการใช้งานบรรจุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ชูความพร้อมด้านทีมออกแบบมืออาชีพและนักวิจัยเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า พร้อมโชว์ยอดขายบรรจุภัณฑ์จากการนำเสนอโซลูชัน 15,000 ล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 20ของรายได้รวม 9 เดือนแรกปีนี้

 

นายสุชัย กอประเสริฐศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP มีการดำเนินงานที่กว้างขึ้น ทำให้มีลูกค้าใหม่ ๆ และหลากหลาย รวมถึงปัจจัยภายนอกที่มีเทรนด์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียน ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการใส่ใจต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมที่เข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์จะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายที่มีลักษณะเฉพาะตัว SCGP จึงต้องไปให้เร็วและปรับการดำเนินงานเชิงรุกผ่านกลยุทธ์ การทำงานแบบใกล้ชิดลูกค้า (Customer-centricity) ในการคิดและพัฒนาบรรจุภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

 

และเพื่อใกล้ชิดและส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงเปิดดำเนินการ SCGPInspired Solutions Studio ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างในการนำเสนอสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ตลอดจนทำความเข้าใจกับโซลูชันต่าง ๆ ของ SCGP เช่น โซลูชันสำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียน โซลูชันสำหรับงายย่อย โซลูชันเพื่ออำนวยความสะดวก โซลูชันบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ โซลูชันสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โซลูชันด้านกิจกรรมการตลาด เป็นต้น

 

SCGP-Inspired Solutions Studio แบ่งพื้นที่เป็น 8 โซน ประกอบด้วย (1) The Unbounded Journey นำเสนอที่มาและการพัฒนาของ SCGP ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (2) The Unique Solutions นำเสนอ Value Chain ของ SCGP ที่มีครบครันตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ขั้นต้นถึงบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย และ Solutions ทั้ง 6 รูปแบบ (3) The Everyday Life นำเสนอสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่เกิดจากการศึกษาความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภค รวมถึงนำเสนอนวัตกรรมด้าน  บรรจุภัณฑ์ สินค้าไลฟ์สไตล์และการดีไซน์กระดาษบรรจุภัณฑ์เป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อโชว์ศักยภาพการออกแบบและผลิตที่หลากหลาย (4) The Latent Answers จำลองบรรยากาศซูเปอร์มาร์เก็ตที่รวบรวมสินค้าต่าง ๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจาก SCGP (5) The Total E-commerce Solutions จัดแสดงบรรจุภัณฑ์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (6) The Logistics Value Creation จำลองบรรยากาศการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ (7) The Attraction นำเสนอเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ที่ทันสมัย และ (8) The Exhibition นำเสนอโซลูชันด้านการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจรในรูปแบบ Green Exhibition ที่ช่วยลดปริมาณขยะและนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้อีก

 

ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กิจการบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ SCGP กล่าวเพิ่มเติมว่า “จุดเด่นของ SCGP คือ ความเข้าใจในปัญหาของลูกค้าและความสามารถในการส่งมอบโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ที่ครบวงจร และตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้วางกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การรับโจทย์จากลูกค้า นำเสนอไอเดียและโซลูชัน จัดทำสินค้าตัวอย่างจนได้ชิ้นงานที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การมีทีมงานที่มีความพร้อมทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีอย่างศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโลยี เพื่อคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ โดยมีนักวิจัยและพัฒนาจำนวนมากกว่า 90 คน ซึ่งทำการค้นคว้าและพัฒนาครอบคลุมตั้งแต่นวัตกรรมของธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และนักออกแบบมืออาชีพจำนวน 36 คน ที่พร้อมสร้างสรรค์และให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงการลงทุนเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง และการสร้าง SCGP-Inspired Solutions Studio แห่งนี้ จะยิ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ในการเพิ่มโอกาสได้สัมผัสกับโซลูชัน รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ และนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ที่ SCGP สามารถสร้างสรรรค์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในหลากหลายมิติ อาทิ ฟังก์ชันใช้งาน ตอบโจทย์ด้านการตลาด คำนึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า”

 

“ปัจจุบัน SCGP มีการนำเสนอบรรจุภัณฑ์และโซลูชันแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าในหลากหลายกลุ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย SME ลูกค้าองค์กร รวมไปถึงลูกค้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สามารถสร้างยอดขายประมาณ 15,000 ล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 20 ของรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกปี 2563 ที่ผ่านมา และ SCGP-Inspried Solutions Studio แห่งนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมกว่าร้อยละ 90 มีความพึงพอใจมาก ซึ่งเรามองว่า นอกจากลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากสตูดิโอแห่งนี้ที่เป็นศูนย์รวมโซลูชันและนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ  แล้ว ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และเพิ่มความน่าสนใจให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ตลอดถึงการเพิ่มความก้าวหน้าของบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย” คุณสุชัย กล่าวเพิ่มเติม

กระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย เดินหน้าโครงการ Idea I Do พับเพื่อโลก มอบถุงกระดาษสำหรับใส่ยาให้กับโรงพยาบาลบางบ่อ จ.สมุทรปราการ

บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ใน SCGP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย นำโดยคุณวิมล จันทร์เทียร Director-Marketing Division และคุณนิรมล  เพรียวประเสริฐ  Manager-Retail Channels Management Department  ได้เข้าพบนายแพทย์วี โรจนศิรประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางบ่อ จ.สมุทรปราการ  เพื่อส่งมอบถุงกระดาษจากโครงการ “Idea I Do พับเพื่อโลก” จำนวน 9,400 ถุง ให้ทางโรงพยาบาลได้นำไปใช้ใส่ยาให้กับผู้ป่วย

ถุงกระดาษดังกล่าวเกิดจากการนำเปลือกห่อเอกสารไอเดียที่ใช้แล้วมาพับขึ้นรูป  โดยลูกค้ากระดาษถ่ายเอกสารไอเดียเป็นผู้พับและส่งกลับมาเข้าร่วมโครงการ  เป็นการตอบรับกระแสการลดปริมาณขยะ และนำวัสดุเหลือใช้กลับมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy  

กระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย มีการส่งมอบถุงกระดาษให้กับโรงพยาบาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้ทำการส่งมอบถุงกระดาษไปแล้ว รวมจำนวน 8,332 ถุง ให้แก่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพ  โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ และโรงพยาบาลศรีนครินทร จ.ขอนแก่น  ซึ่งกระดาษถ่ายเอกสารไอเดีย  ยังดำเนินโครงการและเปิดรับถุงกระดาษอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2563

ข้าวตราฉัตรเอาใจคนรักษ์โลก ชูนวัตกรรมถุงข้าวลดโลกร้อน ลดขยะ แบรนด์แรกของไทย

ข้าวตราฉัตร ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ประกาศความร่วมมือยกระดับการพัฒนาถุงข้าวตราฉัตรที่นอกจากรีไซเคิลได้ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เป็นครั้งแรกของวงการข้าวถุงไทย ที่ผนึกสองผู้เชี่ยวชาญด้านแพคเกจจิ้ง ได้แก่ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) (ผู้นำด้านแมททีเรียลส์ ไซแอนซ์ ระดับโลก) และ บริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด ใน เอสซีจีพี (SCGP) ผู้ผลิตแพคเกจจิ้งพลาสติกชนิดอ่อนตัว (Flexible Packaging) ชั้นนำของประเทศไทย ยกระดับมาตรฐานถุงข้าวสารเป็นข้าวถุงรักษ์โลก ด้วยนวัตกรรม INNATE และเทคนิคดาวน์ เกจจิ้ง (Down Gauging-บางลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น) ถือเป็นแบรนด์แรกของไทย ที่ได้นำนวัตกรรมระดับโลกมาใช้ในการผลิตถุง เพื่อรีไซเคิลแบบครบวงจร ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ด้วยการลดพลาสติกและพลังงานในการผลิต พร้อมวางจำหน่ายข้าวถุงรักษ์โลกในไตรมาสแรกของปี 2564 เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อมทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายความยั่งยืน ที่จะยกเลิกการใช้พลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ภายในปี 2568

 

นายฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจการค้าข้าวและอาหารในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจข้าวตราฉัตร กล่าวว่า “ด้วยยุทธศาสตร์ความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals) ทั้ง 17 ประการ กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือข้าวตราฉัตร ได้นำนโยบายดังกล่าวมาปรับใช้ภายในองค์กร จึงเกิดเป็นปณิธานทั้ง 3 ข้อ หนึ่ง-มุ่งมั่นที่จะยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีปัญหา หรือไม่จำเป็นภายในองค์กร  สอง-เปลี่ยนการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไป สู่รูปแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และสาม-100% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้ ต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และข้าวตราฉัตร มีเป้าหมายความยั่งยืนที่ยกเลิกการใช้พลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ภายในปี 2568 นี่จึงเป็นที่มาของการจัดงานในครั้งนี้ เพราะในอดีตถุงข้าวสารรีไซเคิลไม่ได้ จนในปัจจุบัน ถุงข้าวตราฉัตร เรามีการปรับเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ถุงข้าวตราฉัตรสามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างสมบูรณ์ โดยตั้งเป้าพัฒนาต่อเนื่องในอนาคตให้ถุงข้าวตราฉัตรมีประสิทธิภาพสูงและแข็งแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านการลดใช้ปริมาณพลาสติกและพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของภาวะโลกร้อน

 

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ เราจะพัฒนาถุงข้าวรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อวางจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2564 ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเป็นแบรนด์แรกในไทย โดยผลิตถุงข้าวจากเม็ดพลาสติก INNATE คุณภาพสูงของ Dow ด้วยเทคนิค ดาวน์ เกจจิ้ง (Down Gauging-บางลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น) ตั้งเป้าหมายทำให้ถุงข้าวสารบางลงจากเดิม 110 ไมครอน เหลือ 90 ไมครอน แต่แข็งแรง ทนทานยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วยการประหยัดปริมาณพลาสติก และลดพลังงานในกระบวนการบรรจุด้วยการใช้อุณหภูมิที่ต่ำลงในการปิดปากถุงข้าว โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะลดปริมาณการใช้พลาสติกได้กว่า 300 ตันต่อปี ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 600 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้กว่า 600 ไร่ และเป็นการส่งเสริมการรีไซเคิล เนื่องจากเป็นถุงฟิล์มหลายชั้นที่ผลิตจากพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดเดียวที่รีไซเคิลได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าร่วมโครงการ “มือวิเศษ x วน โดย PPP Plastics” ร่วมรณรงค์ให้ผู้บริโภคนำถุงข้าวตราฉัตรมาบริจาคที่จุดดรอปพอยต์ของโครงการฯ กว่า 300 จุดทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง หรือรวบรวมส่งทางไปรษณีย์ เพื่อให้ถุงข้าวตราฉัตรเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

 

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหารกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำด้านข้าวสารบรรจุถุงอย่างข้าวตราฉัตร ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกันพัฒนาถุงข้าวที่รีไซเคิลได้ง่าย และ ยังมุ่งมั่นประหยัดทรัพยากร และลดโลกร้อน ด้วยนวัตกรรม INNATE™ ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่ของ Dow ที่ช่วยให้ถุงข้าวบางลงแต่มีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดการใช้พลาสติกและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความร่วมมือนี้สอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ Dow ในการต้านโลกร้อน ด้วยการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การลดขยะพลาสติก และ ส่งเสริมวงจรรีไซเคิล

 

สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนมี 3 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และ การมีส่วนร่วมของแบรนด์และผู้บริโภค โครงการความร่วมมือนี้มีครบทั้ง 3 ปัจจัยหลักอย่างลงตัว โดย Dow และ SCGP มีเทคโนโลยีที่ส่งเสริมให้ถุงข้าวสามารถรีไซเคิลได้ง่ายในโครงสร้างพื้นฐานที่เรามีอยู่แล้ว เสริมด้วยโครงการ มือวิเศษ x วน โดย PPP Plastics ด้วยความร่วมมือของข้าวตราฉัตรซึ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่จำหน่ายข้าวบรรจุถุงไปยังผู้บริโภคหลายล้านครัวเรือนทั่วประเทศไทย เชื่อแน่ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริโภคของข้าวตราฉัตร เราจะสามารถร่วมกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน”

 

นายภราดร จุลชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด ในเอสซีจีพี (SCGP) กล่าวว่า “จากการที่ประชากรเพิ่มขึ้น และความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เอสซีจีพีจึงให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการดูแลสิ่งแวดล้อม ตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังได้นำแนวทางของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการออกแบบสินค้าและบริการ เน้นการออกแบบและผลิตสินค้าให้เจ้าของสินค้า (Brand Owner) และผู้บริโภคได้รับความสะดวก ใช้งานง่าย ใช้ทรัพยากรน้อยแต่คงทนแข็งแรง สามารถนำมาใช้ซ้ำและนำกลับมารีไซเคิลได้ และ ในด้านกระบวนการ มีการปรับปรุงการผลิตและการดำเนินการให้เกิด Circular Economy ตลอดทั้ง Supply Chain เช่น การลดการใช้น้ำและพลังงานในกระบวนการผลิต ซึ่งเอสซีจีพีพร้อมที่จะขับเคลื่อน Circular Economy จากภายในองค์กรไปสู่สังคมภายนอก ผ่านลูกค้าและผู้บริโภค เพื่อให้ทุกส่วนเห็นคุณค่าและขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ช่วยกันทำให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน”

 

ผู้บริโภคสามารถนำถุงข้าวตราฉัตรทิ้งลงในถังรีไซเคิลตามปกติ หรือ นำมาบริจาคที่ “ถังวันถุง” ในห้างสรรพสินค้า อาทิ มาบุญครอง เซ็นทรัล เดอะมอลล์ เทสโก้ โลตัส และปั๊มน้ำมันบางจาก เป็นต้น (เช็คจุดตั้ง “ถังวนถุง” ใกล้บ้านได้ที่ shorturl.at/wBGKV) หรือ รวบรวมส่งทางไปรณีย์มาที่ “โครงการ วน” บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) 42/174 ม.5 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม 73210 โดยถุงข้าวตราฉัตรที่ประชาชนนำมามอบให้ “ถังวนถุง” จะมีมูลค่า กิโลกรัมละ 5 บาท เป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป

—————————————————————————————————–

 

ข้อมูลประกอบ

เกี่ยวกับ : ข้าวตราฉัตร

บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด กลุ่มธุรกิจข้าวครบวงจร ภายใต้ตราสินค้า “ตราฉัตร” ผู้ผลิต ปรับปรุงคุณภาพ และจัดจำหน่ายไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ภายใต้มาตรฐาน และตราสินค้าเดียวกัน หากจำหน่ายในต่างประเทศจะใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Royal Umbrella” เราให้ความสำคัญตั้งแต่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ สร้างโรงสีเพื่อรับวัตถุดิบจากเกษตรกรโดยตรง 3 แห่ง คือ โรงสีบุรีรัมย์ โรงสีกำแพงเพชร โรงสีสุพรรณบุรี และยังมีโรงสีพันธมิตรกว่า 30 แห่ง มีโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว 2 แห่ง คือ โรงงานข้าววังแดง และโรงงานข้าวนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีมาตรฐานระดับโลกมาใช้ นับเป็นโรงงานข้าวที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค มีการพัฒนาตั้งแต่การคัดสายพันธุ์ กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน ทำให้ได้สินค้ามีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล โดยมีมาตรฐานการผลิตภายใต้ GMP HACCP และ ISO 9001: 2008 ซึ่งมีกำลังการผลิตทั้ง 5 แห่ง รวม 1.08 ล้านตันข้าวสารต่อปี เรายังสร้างท่าเรือระบบขนส่งทางน้ำ เชื่อมต่อกับโรงงานผลิตโดยตรงซึ่งเป็นระบบขนส่งทางน้ำแห่งแรกในประเทศไทยที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้าวตราฉัตร ได้ที่ https://www.khaotrachat.com/home/ หรือ ติดตามเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/KhaoTraChat

 

เกี่ยวกับ : Dow

ดาว (DOW) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านแมททีเรียล ไซแอนซ์ (Materials Science) ซึ่งพัฒนาและผลิตวัสดุชนิดต่างๆ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศด้านนวัตกรรม เอาใจใส่ต่อลูกค้า ให้การยอมรับบุคลากรที่หลากหลาย  และ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากที่สุดในโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ทางวิทยาศาสตร์ของดาวได้แก่ พลาสติกชนิดต่างๆ เคมีภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรม สารเคลือบผิว และซิลิโคน ซึ่งเน้นสร้างความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น บรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบัน Dow มีฐานการผลิต 109 แห่งใน 31 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 36,500 คน โดยมียอดขายในปี 2562 ประมาณ 43 พันล้านดอลลาห์สหรัฐฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dow ได้ที่ www.dow.com หรือ ติดตามเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DowThailandGroup/

 

เกี่ยวกับ : เอสซีจีพี (SCGP)

เอสซีจีพี (SCGP) ผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เป็นหนึ่งในธุรกิจของเอสซีจีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่เติบโตจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้น (Consumer Growth) ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ เอสซีจีพียังมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่มีวัสดุหลากหลายประเภท (Multi-materials) ทั้งกระดาษและพอลิเมอร์ พร้อมการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Packaging Solutions Provider) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ พร้อมการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าชั้นนำระดับสากลได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร www.scgpackaging.com

ทีมนักออกแบบจาก SCGP ขนทัพคว้ารางวัลออกแบบบรรจุภัณฑ์ เวที WorldStar Awards 2020 และ ThaiStar Packaging Awards 2020

            เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมนักออกแบบจาก SCGP ขนทัพคว้ารางวัลการประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับโลก  “WorldStar Awards 2020” และ ระดับประเทศ ThaiStar Packaging Awards 2020” ในงาน Propak Asia 2020 ที่จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ณ ห้อง Grand Hall ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) โดยได้รับเกียรติจาก คุณณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นผู้มอบรางวัล

            ในปีนี้ SCGP คว้ารางวัล WorldStar Awards 2020” จำนวน 3 รางวัล ได้แก่

– คุณธารทิพย์ บ่อเพ็ชร์ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัลชนะเลิศประเภท Luxury Packaging จำนวน 2 รางวัล จากผลงาน “Enjoy the Moon (Mooncake Box 2018)” และ “The Auspicious Orange Box 2019”

คุณวันชนะ ศรีไตรรัตนะ และ คุณกฤชพร กุลรัตนรักษ์ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศประเภท Point of Sale จากผลงาน “Moment of Happiness”

            นอกจากนี้ ทีมนักออกแบบจาก SCGP ยังได้ขนทัพคว้ารางวัล ThaiStar Packaging Awards 2020” มาถึง 11 รางวัลด้วยกัน ได้แก่

– คุณธารทิพย์ บ่อเพ็ชร์ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) นำผลงาน “Shining Moonlight (Mooncake Box 2019)” คว้าถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ President Awards จากการได้รับคะแนนรวมสูงสุด และรางวัลชนะเลิศในประเภท Consumer Package

คุณนิติ ชุมเพ็ชร บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Consumer Package จากผลงานบรรจุภัณฑ์ไข่เค็ม “Pack 4 for salted egg packaging”

– คุณสุชาณัฐ ชิดไทย และ คุณกฤชพร กุลรัตนรักษ์ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Consumer Package จากผลงานบรรจุภัณฑ์ของขวัญใส่ใจสิ่งแวดล้อมสำหรับคุณแม่ “ECO Gift for Mother’s Day”

คุณธนพร วรวาส บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Consumer Package จากผลงานบรรจุภัณฑ์ผ้าไหม “Treasury of Thai silk”

คุณกฤชพร กุลรัตนรักษ์ คุณสุริยา พิมพ์โคตร คุณณิชารีย์ เหรียญทอง และ คุณวันชนะ ศรีไตรรัตนะ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Point of Purchase (POP) จากผลงาน “TOSSAKAN Floor Display”

คุณสุชาณัฐ ชิดไทย และ คุณศิขิน อมรกิจเจริญ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Point of Purchase (POP) จากผลงาน “Christmas Treasure Unit”

คุณภูมิภัค พันธสี คุณณัฐชา โสรธรณ์ และ คุณปทิตตา ศิริฤกษ์รัตนา บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Point of Purchase (POP) จากผลงาน “Sakura Block POP”

คุณอรปวีณ์ บวรรัตนไพศาล และ คุณสุริยา พิมพ์โคตร บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท Point of Purchase (POP) จากผลงาน “Sanitizer Counter Display

คุณอรปวีณ์ บวรรัตนไพศาล และ คุณภูมิภัค พันธสี บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภท ECO Package จากผลงานถังขยะกระดาษสำหรับทิ้งขยะ Electronics “EWaste Bin”

คุณธิติพันธุ์ วิพันธ์วรพงษ์ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศในประเภทบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง จากผลงาน “บรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกทุเรียนผลสด”

ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลทุกท่าน กับผลงานการออกแบบที่สร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์การเป็นโซลูชันให้กับลูกค้าอย่างมืออาชีพ

 

 

ไทย-เดนมาร์ค เลือกใช้หลอดกระดาษเฟสท์ จาก SCGP เป็นผู้ผลิตนมยูเอชทีรายแรก ที่ใช้หลอดกระดาษจากผู้ผลิตภายในประเทศไทย เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

6 พฤศจิกายน 2563: อ.ส.ค. และ SCGP ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาหลอดกระดาษ และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับนมไทย-เดนมาร์ค พร้อมเปิดตัวใช้หลอดกระดาษ ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลก โดยนำร่องใช้กับผลิตภัณฑ์นม “ไทย-เดนมาร์ค แลคโตสฟรี” นับเป็นแบรนด์แรกที่เลือกใช้หลอดกระดาษจากผู้ผลิตภายในประเทศ โดยคาดการณ์ว่าพร้อมออกสู่ตลาด ในไตรมาสแรก ของปีพ.ศ. 2564 จะช่วยลดการใช้หลอดพลาสติก 7,000,000 หลอด ลดปริมาณขยะพลาสติก 2.5 ตันต่อปี

บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ใน SCGP ได้พัฒนาหลอดกระดาษเฟสท์ ที่ผลิตจากกระดาษสำหรับสัมผัสอาหาร ภายใต้มาตรฐานกระบวนการผลิตระดับสากล ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP-EU Standard  สามารถย่อยสลายได้ภายใน 90 วัน โดยมีนวัตกรรมการผลิตที่ทำให้หลอดโค้งงอ มีปลายตัด สะดวกสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย มีความแข็งแรงสามารถเจาะกล่องนมได้และใช้ดื่มนมได้จนหมดกล่อง ซึ่งไทย-เดนมาร์ค ได้ร่วมกับบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ใน SCGP ในการพัฒนาหลอดกระดาษรวมถึงบรรจุภัณฑ์รวมหน่วยและบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งเพื่อลดปริมาณขยะภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการพัฒนาหลอดกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับนมไทย-เดนมาร์ค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมและยกระดับสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาหลอดกระดาษ และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับนมไทย-เดนมาร์ค กล่าวว่า “ปัจจุบันรัฐบาลมีการส่งเสริมและรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนเกิดความตระหนักเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด  ซึ่งการส่งเสริมและรณรงค์นี้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั้งในวงการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม จนถึงบริษัท ห้างร้าน โรงเรียน และชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีความตระหนักถึงการร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจะร่วมมือกันขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้”

ด้านนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ  ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ผู้บริโภคหันมาใส่ใจโภชนาการที่ดี และสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น  ทำให้การบริโภคนมได้รับความนิยมมากขึ้น  อีกทั้งรัฐบาลยังมีการรณรงค์ให้ผู้บริโภคดื่มนม จาก 18 ลิตร ต่อคน ต่อปี  เพิ่มเป็น 25 ลิตร ต่อคน ต่อปี ภายในปี พ.ศ.2569  อ.ส.ค.ในฐานะรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีพันธกิจในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายนมไทย-เดนมาร์ค ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาขยะที่จะเพิ่มขึ้นตามการบริโภค  จึงได้ร่วมมือกับบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ และ บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ใน SCGP พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมนม  ซึ่งไทย – เดนมาร์ค นับเป็นเจ้าแรกในตลาดที่ใช้หลอดกระดาษ  ที่ผลิตภายในประเทศไทย และได้นำร่องใช้หลอดกระดาษกับผลิตภัณฑ์นม  “ไทย-เดนมาร์ค แลคโตสฟรี” ผลิตภัณฑ์นมยูเอชที สูตรปราศจากน้ำตาลแลคโตส โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะออกสู่ตลาด ในไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ.2564 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมนมในประเทศต่อไป”

นางวิมล จันทร์เทียร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด และผู้อำนวยการ     แบรนด์บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยเฟสท์ ใน SCGP กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่หลากหลาย SCGP มุ่งให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคและการเป็นพันธมิตรชั้นนำทางธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า โดยในโอกาสนี้ได้ร่วมมือกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในการพัฒนาหลอดกระดาษแบบโค้งงอ ปลายตัด เพื่อนำร่องใช้กับผลิตภัณฑ์นม “ไทย-เดนมาร์ค แลคโตสฟรี” และพร้อมขยายผลไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค มอร์แกนิก  โดยไทย-เดนมาร์ค นับเป็นเจ้าแรกในตลาดที่ใช้หลอดกระดาษจากกระดาษสำหรับสัมผัสอาหาร ที่ผลิตภายในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานกระบวนการผลิตระดับสากล ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP-EU Standard ไม่มีสารเคลือบ สามารถย่อยสลายได้ภายใน 90 วัน 

เฟสท์ ใน SCGP มุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอบรรจุภัณฑ์อาหารที่ผลิตจากกระดาษสำหรับสัมผัสอาหารและเยื่อยูคาลิปตัส  ซึ่งสามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง มีความสะอาด ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล โดยมีความหลากหลาย ทั้งรูปแบบและขนาดความจุ รวมกว่า 100 รายการ ซึ่งเฟสท์ยังพร้อมนำเสนอหลอดกระดาษอีก 4 รายการให้อ.ส.ค. ได้พิจารณาใช้งานที่ร้านไทย-เดนมาร์ค Milk Land ได้แก่ หลอดกระดาษเฟสท์ 6 มม. สำหรับเครื่องดื่มเย็น หลอดกระดาษเฟสท์ 8 มม. และ 10 มม. สำหรับเครื่องดื่มปั่น และหลอดกระดาษเฟสท์ 12 มม. สำหรับชานมไข่มุก

นอกจากนี้ SCGP ได้นำเสนอบรรจุภัณฑ์ Green Carton ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีผลิตกล่องน้ำหนักเบา (Lightweight G Technology) ที่สามารถลดการใช้วัตถุดิบกระดาษและพลังงานในการผลิต โดยยังคงความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์เช่นเดิม ซึ่งปัจจุบันได้นำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อขนส่งผลิตภัณฑ์นมยูเอชที ตราไทย-เดนมาร์ค Kid D และผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ SCGP ยังได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบรวมหน่วย หรือ Multipack ซึ่งผลิตจากนวัตกรรมกระดาษลูกฟูกลอนเล็ก ที่มีความแข็งแรงและรองรับงานพิมพ์คุณภาพสูง เหมาะสำหรับบรรจุสินค้าที่ต้องการความสวยงามและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกด้วย นับเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมตามหลัก Circular Economy 

และในโอกาสนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่าง อ.ส.ค และ SCGP จะนำไปสู่การสร้างบรรทัดฐานและยกระดับบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมนม ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือว่าเป็นพัฒนานวัตกรรมร่วมกันที่คำนึงถึงการเติบโตทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

SCGP รุกเพิ่มฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อขยายตลาดในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยเข้าซื้อหุ้น Go-Pak UK Limited เพิ่มรายได้กว่า 2,800 ล้านบาท

       บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นของ Go-PakUK Limited ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร (foodservice packaging) ในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยมีฐานการผลิตในเวียดนาม การลงทุนนี้จะทำให้ SCGP เติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร สามารถขยายฐานตลาดไปยังสหราชอาณาจักร ยุโรป และ อเมริกาเหนือ เพื่อรองรับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค และส่งเสริมการเติบโตของความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารทั่วโลก

 

       นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า “SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ใน Go-Pak UK Limited (หรือ “Go-Pak”) เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการลงทุนประมาณเดือนธันวาคม 2563  หลังจากได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายด้านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากหน่วยงานที่มีอำนาจในประเทศที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการควบรวมกิจการ จะทำให้ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร (foodservice packaging) ของ SCGP มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,800 ล้านบาทต่อปี”

 

         Go-Pak มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร และมีฐานการผลิตอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม โดยเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ทั้งจากฐานการผลิตของตนเองและเครือข่ายการจัดหาทั่วโลก ซึ่งบรรจุภัณฑ์อาหารเหล่านี้รวมถึง ภาชนะจาน ชาม ช้อนส้อม ถ้วย และแก้ว ที่ทำจากกระดาษ โพลิเมอร์ รวมถึงวัสดุย่อยสลาย อื่น ๆ จะนำไปใช้ในการบรรจุอาหารและเครื่องดื่มพร้อมรับประทาน ทั้งนี้ฐานลูกค้าของ Go-Pak ประกอบไปด้วย ผู้จัดจำหน่ายในภาคธุรกิจการบริการด้านอาหาร ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่ง ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการร้านอาหาร เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านขายอาหารนำกลับ รวมถึงผู้ให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ โดยธุรกิจข้างต้นมุ่งเน้นเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย คุณภาพ และความสะดวก

 

         “รูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมถึงการนิยมสั่งซื้ออาหารสะดวกซื้อมากขึ้นนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งปัจจุบัน SCGP มีฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในมาเลเซียและไทย โดยมีตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น การเข้าซื้อหุ้น Go-Pak จะเสริม ความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าในตลาดสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ รวมทั้งยังเป็นการเสริมศักยภาพ   การแข่งขันด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และขยายฐานการผลิตทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน โดยการลงทุนของ SCGP ใน Go-Pak ครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าที่เป็นตลาดผู้บริโภค และเพิ่มขีดความสามารถการผลิตบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร” นายวิชาญกล่าวเพิ่มเติม

                                   

         Go-Pak ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 และมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 12 เดือนล่าสุด (ไตรมาสที่ 4/2562-3/2563) Go-Pak มีรายได้ 68.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) มีมูลค่าสินทรัพย์ 40.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2563 และมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร 4 พันล้านชิ้นต่อปี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 250 ประเภท  

 

——————————————————————-

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนำเสนอบริการด้านบรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ และบริการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายอื่น ๆ มีรายได้รวมในช่วงเก้าเดือนปี 2563 เท่ากับ 69,190 ล้านบาท โดยมีฐานการผลิตรวมกว่า 40 แห่งในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย

SCGP โชว์ศักยภาพ 9 เดือนแรก ทำกำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ชูโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง สินค้า บริการ และโซลูชันครบวงจร มุ่งเติบโตอย่างมีคุณภาพ

      SCGP โชว์ผลงาน 9 เดือน เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทำกำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และมีรายได้จากการขาย 69,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง การควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) และมีฐานลูกค้าจำนวนมากและหลากหลายอุตสาหกรรมช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อมวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานใน 9 เดือนของปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 69,190 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเติบโตร้อยละ 5 กำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 22 เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากความสามารถในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดีใน 9 เดือนผ่านมาคือ บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับอีคอมเมิร์ซ และบรรจุภัณฑ์สำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีการฟื้นตัวในไตรมาสสาม หลังจากได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงความต้องการบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามที่เติบโตขึ้นภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 เริ่มคลี่คลาย และจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการควบรวมกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ในประเทศไทยที่ทำให้ SCGP มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

SCGP  ได้ออกแบบและดำเนินงานตามโมเดลธุรกิจ (Business Model) ที่แข็งแกร่ง โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย และมีความสามารถด้านการผลิตที่ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์ขั้นต้น (Upstream) และบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย (Downstream) จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง SCGP ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและมีความต้องการใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มดังกล่าวประมาณร้อยละ 70 ของยอดขายในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Integrated Packaging Chain) พร้อมกับการเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการหรือ Merger and Partnership (M&P) เพื่อขยายการเติบโต รองรับการบริโภคและเมกะเทรนด์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนการบริหารจัดการธุรกิจภายใต้แผน Business Continuity Plan และบริหารกระแสเงินสดอย่างระมัดระวัง จึงทำให้ SCGP ยังคงเติบโตและสามารถรับมือกับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาได้

 

“ผลการดำเนินงานที่เติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่าเราเดินมาถูกทาง สามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพหรือ Growth with Quality และบริษัทฯ จะมุ่งขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจรในภูมิภาคนี้” นายวิชาญกล่าว

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวต่อว่า หลังจาก SCGP ได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้วางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายการลงทุนและการ     ควบรวมกิจการ ปัจจุบันโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศเวียดนาม ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว และมีอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7,700 ล้านบาท จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2564 ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศอินโดนีเซีย โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศฟิลิปปินส์ และโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศไทย

 

สำหรับความคืบหน้าของการควบรวมกิจการ (M&P) กับ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ (SOVI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) รายใหญ่ในประเทศเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์    โฮจิมินห์ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสินค้าคงคลังรอบสุดท้าย คาดว่าการทำธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งการเข้าลงทุนนี้จะส่งผลให้ SCGP มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำจากเยื่อและกระดาษในเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพขยายตลาดบรรจุภัณฑ์ เนื่องจาก SOVI มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และบริษัทชั้นนำในประเทศ

 

“การควบรวมกิจการเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและเพิ่มขีดความสามารถการผลิตบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรทั้งในอาเซียน” นายวิชาญกล่าว

“Dezpax” จับมือ “Makro” ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร รองรับการเติบโตของตลาดฟู๊ดเดลิเวอรี

เดซแพค (Dezpax) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการ Packaging Solutions ด้านอาหารและเครื่องดื่มครบวงจร จากเอสซีจี นำโดยคุณปฐมพงศ์ ดีปัญญา Chief Executive Officer ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร กับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการค้าส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร นำโดยนายยุทธนา เพียงสุนทร รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารสินค้าอุปโภค ภายในงานได้รับเกียริตจาก คุณประกิจ วรวัฒนนนท์ Head of Startup Studio, ZERO TO ONE by SCG มาร่วมเป็นสักขีพยานความร่วมมือในครั้งนี้ด้วย

 

โดยความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสององค์กรจะร่วมมือกันให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร ตั้งแต่การนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพและหลากหลาย พร้อมบริการพิมพ์โลโก้ร้านแบบครบจบในที่เดียว การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วยยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของตลาดฟู๊ดเดลิเวอรี พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านแพคเกจจิ้งโซลูชันครบวงจร

‘บรรจุภัณฑ์อยู่รอบตัวเรา’ สำรวจนวัตกรรมจับต้องได้ที่ทำให้ชีวิต ‘สะดวก สบาย ง่าย ปลอดภัย’ ของ SCGP ในงาน SCGP IPO Roadshow [Advertorial]

นิทรรศการนำบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาโดย SCGP มาจัดแสดง โดยจำแนกเป็นโซนตามไลฟ์สไตล์และการใช้งาน เพื่อให้นักลงทุนได้ทำความรู้จักกับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน และได้เห็นภาพของบรรจุภัณฑ์ว่าอยู่รอบตัวเราได้อย่างไรบ้าง

SCGP IPO Roadshow ชื่องานก็บอกชัดเจนว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อชวนให้นักลงทุนรับฟังการนำเสนอข้อมูลของ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานเมื่อวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คือนักลงทุนที่มองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีของกลุ่มธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ธุรกิจหลักของ SCG

 

ในขณะที่ THE STANDARD ลงทะเบียนและเข้าร่วมงานในฐานะผู้บริโภคที่ใคร่รู้และอยากดูให้เห็นกับตาว่านวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทุกไลฟ์สไตล์ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร และเหตุใดในขณะที่ธุรกิจมากมายต้องพ่ายให้กับวิกฤตโควิด-19 แต่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กลับยังคงเติบโต

เราเริ่มค้นหาคำตอบภายในพื้นที่ของรอยัล พารากอน ฮอลล์ ซึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นนิทรรศการที่นำบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาโดย SCGP มาจัดแสดง จำแนกเป็นโซนตามไลฟ์สไตล์และการใช้งาน นับว่าเป็นไอเดียที่ดีที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าบรรจุภัณฑ์อยู่กับเราในทุกวันของชีวิต 

นอกจากนี้ทุกโซนจัดแสดงจะมีวิทยากรให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด สังเกตเห็นว่าผู้เข้าร่วมงานก็ให้ความสนใจอย่างมาก ซักถามกันตั้งแต่ต้นทางการผลิตไปจนถึงปลายทาง คำตอบที่ได้ยินรวมถึงสิ่งที่ได้เห็นในงานล้วนเป็นไปตามแนวคิดหลักของบริษัทที่ยึดถือตลอดมา นั่นคือการสร้างนวัตกรรม ออกแบบวัสดุ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และโมเดลทางธุรกิจให้เป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดของเสีย เพื่อนำกลับไปเป็นทรัพยากรหมุนเวียนในระบบด้วยกระบวนการที่เหมาะสมในรูปแบบ ‘Make-Use-Return ผลิต ใช้ วนกลับ’  

5 โซนไฮไลต์ ล้วงลึกนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่อยู่กับเราในทุกวันของชีวิต

 

Personal Lifestyle ‘สะดวกกว่า สบายขึ้น’ 
เริ่มกันที่โซนแรก เป็นการจำลองไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงไปกับคำว่า ‘สะดวกสบาย’ และไลฟ์สไตล์ยุค New Normal บรรจุภัณฑ์ใดบ้างที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกกว่าและสบายขึ้น เช่น Spout Pouch บรรจุภัณฑ์พร้อมฝาเกลียวที่ใช้ต่อกับเครื่องปั๊มนมได้เลย ตอบโจทย์คุณแม่ ไม่หก ไม่ปนเปื้อน ไม่เหม็นหืน ปั๊มเสร็จแล้วแช่ได้เลย หรือ EzySteam บรรจุภัณฑ์อุ่นไมโครเวฟได้สะดวก แค่ 2 นาทีก็อร่อยได้ นวัตกรรมใหม่ Digital Watermark เทคนิคการฝังรหัสข้อมูลดิจิทัลบนบรรจุภัณฑ์ แค่สแกนก็เข้าถึงข้อมูลสินค้า หรือสแกนเพื่อจ่ายเงินก็ยังได้ และชีวิตออนไลน์ที่ต้องจับจ่ายซื้อขายกันทุกวัน Doozy Pack บรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องไปรษณีย์ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ SCGP พัฒนาแบบครบวงจร ครบทุกไซส์ สามารถรองรับความต้องการที่เร่งด่วน 

 

 

Working Lifestyle ‘ปกป้องทุกย่างก้าว’ 
ต้องยอมรับว่าชีวิตนอกบ้านแวดล้อมไปด้วยความเสี่ยง ทั้งอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น และสิ่งที่เห็นแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ SCGP จึงออกโรงปกป้องชีวิตในทุกย่างก้าว โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ซึ่งไม่ว่าจะกินที่ร้านหรือใช้บริการเดลิเวอรี บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ก็สามารถปกป้องเราได้จากสารปนเปื้อน ปกป้องอาหารไม่ให้รั่วซึม รวมถึงปกป้องโลกด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ไฮไลต์ของโซนนี้คือบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย Fest หนึ่งในแบรนด์ของ SCGP ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคยุคนี้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP-EU Standard, HACCP และ BRC ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านดีไซน์อันสวยงามและฟังก์ชันที่เหมาะกับการใช้งาน 

ตอนนี้ผลิตออกมา 3 ประเภท 1. Fest Choice ผลิตจากกระดาษ สามารถใส่อาหารร้อนที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมันได้ปลอดภัย ไม่รั่วซึม และพิมพ์ลายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบรรจุภัณฑ์ได้ 2. Fest Bio ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัส 100% สัมผัสอาหารได้โดยตรงเหมือนกัน ข้อดีคือย่อยสลายได้ภายใน 60 วัน เข้าไมโครเวฟได้ และ 3. Fest Chill ผลิตจากเยื่อยูคาลิปตัสเคลือบฟิล์ม เมื่อลอกฟิล์มออกก็นำมารีไซเคิลได้ บรรจุอาหารร้อนได้ 130 องศาเซลเซียส เข้าตู้เย็นและอุ่นร้อนได้ จึงน่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์บริการเดลิเวอรีได้อย่างดี  

 

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น กล่องกันไฟฟ้าสถิตBig Box กล่องสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ หรือจะใช้รวมหน่วยเพื่อลดการใช้กล่องนอก ออกแบบความแข็งแกร่งได้ตามต้องการ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของบรรจุภัณฑ์ลดลง แน่นอนว่าลดการใช้ทรัพยากรลงไปด้วย หรือนวัตกรรม Green Carton ที่ใช้ทรัพยากรในการผลิตลดลง มีน้ำหนักเบาลง แต่กล่องยังคงความแข็งแรงเท่าเดิมนั่นเอง 

 

Well-Being ‘นวัตกรรมที่ใส่ใจ ปลอดภัยกว่าที่เคย’   
SCGP ไม่ได้เก่งเรื่องบรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังขยันสรรหานวัตกรรมที่ต่อยอดจากศักยภาพที่มีในทุกความเป็นไปได้ ผสานความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมนักวิจัย กลายมาเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ด้วย เช่น Aquacella Plusเจลแอลกอฮอล์ที่นำ Cellulose สำหรับทำเยื่อกระดาษ ใช้นาโนเทคโนโลยีทำให้เส้นใยเล็กลงก่อนผสมในเจล ซึ่งไม่เพียงช่วยฆ่าเชื้อโรค แต่ยังดึงความชุ่มชื้นกลับสู่ผิว เส้นใย Cellulose ยังนำไปสานจนกลายเป็น Smart Guard ฟิลเตอร์ แผ่นกรองอนามัยที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับหน้ากากผ้า ป้องกันไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่น PM2.5 ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ  

 

 

ผลิตภัณฑ์บางอย่างคิดค้นจากปัญหาของลูกค้า เช่น อุปกรณ์ยึดบาดแผลโดยไม่ต้องเย็บ หมดปัญหาเรื่องแผลเป็นจากการเย็บ หรือ Odor Lock ฟิล์มเก็บกลิ่นที่มีคุณสมบัติเก็บกลิ่นได้ถึง 2 ชั้น โดยเฉพาะกลิ่นทุเรียน ตัวอย่างของนวัตกรรมที่ใส่ใจผู้บริโภคและตอบโจทย์การใช้งานที่ปลอดภัยกว่าที่เคย 

 

 

 

Shopping Lifestyle ‘มากกว่าทุกความคาดหวัง’ 
ซูเปอร์มาร์เก็ตจำลองที่ทำให้คุณมองเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ในบรรจุภัณฑ์ นอกจากความสวยงามและปกป้องสินค้า บรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นที่ได้เห็นในโซนนี้ล้วนถูกออกแบบโครงสร้างเพื่อตอบโจทย์การใช้ในงานทุกรายละเอียด เช่น OptiBreath บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยคงความสดอร่อยได้นานยิ่งขึ้น นวัตกรรมที่ช่วยยืดอายุผักผลไม้ด้วยการคำนวณอัตราการหายใจ และสร้างกลไกให้ผักผลไม้หายใจช้าลง จึงยืดอายุได้นานขึ้น เช่น ผักบางชนิดปกติเก็บได้ 5 วัน แต่เมื่อเก็บใน OptiBreath จะยืดอายุเป็น 10 วัน  

 

 

หรือ Thermoformed Packaging บรรจุภัณฑ์ประเภทถ้วยพร้อมฝาปิด ผลิตจาก Polypropylene ทนความร้อนและสารเคมีได้ดี และยังมีฟิล์ม Evoh ป้องกันการซึมผ่านของอากาศและน้ำมัน เก็บรักษารสชาติได้ดี รวมไปถึงนวัตกรรมกระดาษลูกฟูกลอนจิ๋ว (Micro Flute) บรรจุภัณฑ์บางเฉียบ ความสูงของลอนเพียง 1 มิลลิเมตร แต่ยังคงความแข็งแกร่ง ที่สำคัญ SCGP ยังทำหน้าที่เป็น One Stop Service หรือเป็นคู่คิดช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้า ไปจนถึงออกแบบการพิมพ์เพื่อช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตไปด้วยกัน  

 

To Be Better ‘คิดให้จบ วนให้ครบ ใช้ให้คุ้ม’  
โซนเกือบสุดท้ายจะมีตู้รับกระดาษรีไซเคิลที่ SCGP นำไปติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อรับบริจาคกระดาษจากผู้ใช้งานตรง งานนี้จึงยกตู้จริงมาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองใช้จริง วิธีการง่ายๆ คือแค่สแกนแผ่น QR Code ที่สอดไว้หน้าตู้ แล้วกดปุ่มตามคำสั่ง ช่องใส่กระดาษก็จะเปิดออกอัตโนมัติ เครื่องนี้รองรับกระดาษใดๆ ก็ได้ จะเป็น A4 ในออฟฟิศ บิลค่าไฟ หรือกล่องลังก็นำมาหย่อนได้ จากนั้นกดปุ่ม ‘เสร็จสิ้น’ ช่องก็จะปิด พร้อมแสดงข้อมูลหน้าจอว่ากระดาษที่ใส่ไปหนักเท่าไร เทียบได้กับการลดการตัดต้นไม้เพื่อนำมาผลิตสินค้าใหม่ได้กี่ต้น รู้สึกเหมือนได้ช่วยต้นไม้ทันที ซึ่งกระดาษที่ SCGP ได้ไปก็จะนำไปรีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ถ้าเป็นกระดาษลังก็วนกลับมาเป็นกล่องกระดาษ ถ้าเป็นกระดาษ A4 ก็วนกลับมาเป็น A4 เหมือนเดิมภายใต้แบรนด์ Idea Green ส่วนตระกร้าสานหรือขวด PCR ที่เห็นก็เป็นผลงานการรีไซเคิลจากวัสดุต่างๆ ของ SCGP เช่นกัน 

 

 

บรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ และต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อเดินครบทุกโซนก็ยิ่งเห็นภาพบรรจุภัณฑ์แทรกซึมอยู่ในทุกกิจกรรมชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบการใช้ชีวิตในยุค New Normal ที่ผู้คนคุ้นชินกับการทำกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น มองหาความสะดวกสบายมากขึ้น ซื้อของออนไลน์ สั่งอาหารเดลิเวอรี ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจอาหารที่ปรับตัวมาขายแบบเดลิเวอรีได้รับอานิสงส์ไปด้วย 

หากดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคใน 5 ประเทศหลักในภูมิภาคอาเซียน (ประเทศไทย, ประเทศเวียดนาม, ประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย) ตัวเลขปี 2562 ประชากรประมาณ 578 ล้านคน พบว่าเทรนด์การเติบโตของผู้บริโภคในอาเซียนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่คาดว่าปี 2562-2567 จะเติบโตประมาณ 30% ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่ปรับเปลี่ยนส่งผลต่อการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่น่าสนใจคือการบริโภคที่มีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อมก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลกลายเป็นที่ต้องการของตลาด 

เท่ากับว่าจากนี้ไป นอกจากบรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์แล้ว ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ผู้บริโภคเองก็เริ่มมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ก็เท่ากับเราได้มีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ทำให้ธุรกิจต่างๆ นำปัจจัยนี้มาเป็นโจทย์หลักในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สร้างสรรค์โซลูชันที่หลากหลายเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม  

 

 

SCGP เองก็ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรม นำเสนอบรรจุภัณฑ์และโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาดเสมอ จึงสามารถครองตำแหน่งผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน SCGP เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีบรรจุภัณฑ์ที่ครอบคลุมและหลากหลาย เป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์เพียงไม่กี่รายในภูมิภาคนี้ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตามความต้องการ โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 สามารถทำรายได้กว่า 45,903 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 11% 

 

 

 

นอกจากนี้ SCGP ยังมีความพร้อมด้านบุคลากรในแต่ละฝ่ายที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีหน่วยงาน Inspired Studio ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยมีนักออกแบบ 36 คน นักวิจัยและพัฒนา 90 คน ที่ทำการค้นคว้าวิจัยใน 12 ประเภท พนักงานขายและบริการลูกค้า 500 คน ภายใต้งบประมาณที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนากว่า 500 ล้านบาทต่อปี จึงทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว และจนถึงวันนี้ SCGP ก็เป็นเจ้าของสิทธิบัตร 66 รายการ 

 

 

ปัจจุบัน SCGP มีลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเป็นการผสมผสานระหว่างลูกค้าบรรษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก บริษัทชั้นนำในแต่ละประเทศ ไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

ในอนาคต SCGP ยังเสริมศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนใน 4 โครงการที่ทยอยแล้วเสร็จในปี 2563-2564 เงินลงทุนรวมประมาณ 8,200 ล้านบาท ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม และการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ 

ทั้งข้อมูลที่ได้ฟังและบรรจุภัณฑ์ที่เห็นในนิทรรศการทั้งหมดนี้คงจะคลายข้อสงสัยใคร่รู้ได้ครบจบแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ถึงการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ รวมถึงทิศทางในอนาคตของธุรกิจที่ไม่ว่าอย่างไร ‘บรรจุภัณฑ์’ ในทุกรูปแบบก็จะเป็นสิ่งสำคัญและอยู่เคียงข้างทุกการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?id=1683658098593742&story_fbid=2563500340609509